ของดีประจำจังหวัดหนองคาย

หนองคาย เมืองน่าอยู่อันดับ 7 ของโลก

เมืองน่าอยู่อันดับ 1 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาพยินดีต้อนรับสู่ ดินแดนนาคานคร เมืองหนองคาย

ภาพวีรกรรมปรามฮ่อ หลวงพ่อพระใส สะพานไทยลาว

คำขวัญประจำจังหวัด: อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ หลวงพ่อพระใส ประชาใฝ่ธรรม เกษตรอุตสาหกรรมรุ่งเรือง เฟื่องฟูไม้ผล ต้นยางพารามากหลาย หาดทรายขาวจอมมณี น้ำใจไทยดี สามัคคีสองฝั่งโขง จรรโลงมิตรภาพไทย – ลาว

หนองคายอาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยห่างจากเมืองหลวงของสปป.ลาว คือ กรุงเวียงจันทน์ เพียง 30 กิโลเมตร ทิศใต้ติดต่อกับอุดรธานี และสกลนคร ทิศตะวันออกติดต่อนครพนม ทิศตะวันตก ติดต่อจังหวัดเลย ห่างจากกรุงเทพฯ 616 กิโลเมตร พื้นที่ 7,332.3 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 17 อำเภอ อำเภอเมืองหนองคาย, อำเภอท่าบ่อ, อำเภอบึงกาฬ, อำเภอพรเจริญ, อำเภอโพนพิสัย, อำเภอโซ่พิสัย, อำเภอศรีเชียงใหม่, อำเภอสังคม, อำเภอเซกา, อำเภอปากคาด, อำเภอบึงโขงหลง, อำเภอศรีวิไล, อำเภอบุ่งคล้า, อำเภอสระใคร, อำเภอเฝ้าไร่, อำเภอรัตนวาปี และอำเภอโพธิ์ตาก

จังหวัดหนองคาย ได้รับการคัดเลือกจากนิตยสาร Modern Maturity (May-June 2001) ให้ติดอันดับสถานที่ดีที่สุดในโลกเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนที่สองสำหรับผู้สูงอายุชาวอเมริกัน ในลำดับที่ 7 จากเมืองที่ได้รับการจัดอันดับทั้งหมด 15 แห่งซึ่งได้รับการจัดอันดับ และแนะนำให้ผู้อ่านพิจารณาเป็นแหล่งพักผ่อนที่สองนอกจากบ้านตนเอง จากการสำรวจแหล่งพักผ่อนทั้งหมด 40 แห่ง โดยพิจารณาจากตัวชี้วัด 12 ตัว ได้แก่ ลักษณะภูมิอากาศ, ค่าครองชีพ, วัฒนธรรม, สาธารณูปโภค, สถานที่พัก, ระบบการขนส่ง, การบริการด้านสาธารณสุข, สภาพแวดล้อม, กิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจ, ความปลอดภัย, ความมั่นคงทางการเมือง และเทคโนโลยี

สำหรับเมืองที่ได้รับการจัดอันดับ 10 เมืองแรก มีดังนี้

  1. เมืองคอสตาเดลโซล ประเทศสเปน
  2. เมืองแซงค์เทียร์ ประเทศอิตาลี
  3. เมืองโพรวองซ์ ประเทศฝรั่งเศส
  4. เมืองบูแกต ประเทศปานามา
  5. เมืองวิเซนต์ เกรนาดีน
  6. เมืองเคาร์ตี้แคร์ ประเทศไอร์แลนด์
  7. จังหวัดหนองคาย ประเทศไทย
  8. เมืองครีท ประเทศกรีซ
  9. เมืองแอมแบร์กริส เคร์ ประเทสเบลิตซ์
  10. เมืองตูนิส ประเทศตูนีเซีย

การจัดอันดับข้างต้นถูกตีพิมพ์อย่างเป็นทางการในแมกกาซีน Modern Maturity ฉบับเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน ปี ค.ศ. 2001 แมกกาซีน Modern Maturity จัดพิมพ์โดย สมาคมชาวอเมริกันผู้เกษียณอายุ อันเป็นสมาคมที่มิได้หวังผลกำไร แต่มุ่งเสริมสร้างความรู้ และประสบการณ์ให้แก่พลเมืองอเมริกัน อายุ 50 ปี ขึ้นไป

นายภราเดช พยัคฆ์วิเชียร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เห็นว่าการสำรวจของนิตยสารดังกล่าว นับว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงอย่างมาก ให้แก่จังหวัดหนองคาย และประเทศไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะดำเนินการประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคายผ่านสำนักงานสาขาในต่างประเทศ และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชน และภาครัฐในจังหวัด เพื่อรักษาความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด และคงไว้ซึ่งการเป็นแหล่งพักผ่อนที่ดีที่สุดสำหรับพลเมืองผู้สูงอายุ

จากข้อมูลเบื้องของจังหวัดหนองคาย จึงแนะนำของดีประจำจังหวัดหนองคาย 3 สิ่ง ดังนี้

ตำนานพญานาค

ภาพตำนานพญานาค

นาค หรือ พญานาค งูใหญ่มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และนาคยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล

นาคเป็นเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ บางแห่งก็ว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฟ้า ตำนานความเชื่อเรื่องพญานาคมีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย สืบค้นได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากอินเดียใต้ ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะทางกายภาพ คือ มีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ให้การนับถือว่ามีอำนาจ ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองูเป็นสัตว์เทวะชนิดหนึ่งในเทพนิยายและตำนานพื้นบ้าน บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์

มีความเชื่อเรื่องพญานาคแพร่หลายในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วทวีปเอเชีย โดยเรียกชื่อต่าง ๆ กัน ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคน่าจะอยู่ที่อินเดีย ด้วยมีนิยายหลายเรื่องเล่าถึงพญานาค โดยเฉพาะในมหากาพย์มหาภารตะ ซึ่งถือเป็นปรปักษ์ของพญาครุฑ ส่วนในตำนานพุทธประวัติเล่าถึงพญานาคไว้หลายครั้งด้วยกัน ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนานเรื่องพญานาคอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือเมืองบาดาล และเชื่อกันว่ามีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษา โดยจะมีลักษณะคล้ายรอยงูขนาดใหญ่ และเมื่อไปเล่นน้ำในแม่น้ำโขงควรยกมือไหว้ เพื่อเป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่ มีหงอนสีทอง ตาสีแดง มีเกล็ดเหมือนปลา และมีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี 7 สี และที่สำคัญ คือ นาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้น จะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียร และเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจากพญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร

อนันตนาคราชนั้น เล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมา มีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในน้ำ และบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาล ให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่าง สวยงาม

พญานาคกับตำนานเมืองหนองคาย

ภาพพญานาค

เหตุที่พระสุกจมน้ำ ที่เวินสุก บ้านหนองกุ้ง อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย มีการเล่าขานถึงความศรัทธาของพญานาคว่า เหล่าพญานาคนั้นเป็นผู้ที่มีความเคารพ และศรัทธาในพระพุทธเจ้ามาก หลังจากที่มีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่เมืองล้านช้าง ประเทศลาว ความทราบถึงเหล่าพญานาค ที่อยู่เมืองบาดาล จึงได้แปลงกายขึ้นไป ขอพระพุทธรูปกับเจ้าเมืองล้านช้าง โดยเจาะจงขอเอาพระสุก เพื่อไปไหว้สักการะบูชาที่เมืองบาดาล

ปกติเหล่าพญานาคเป็นผู้ที่ถือศีลแปดเคร่งครัดมาก และจะไม่ทำร้ายใคร ส่วนมนุษย์ตายในน้ำที่ว่าเงือกกินนั้น เงือกก็คือ พญานาคชั้นเลว ประพฤติตนเกเร จึงชอบทำร้ายมนุษย์ตามน้ำ เดี๋ยวนี้พระสุกก็ยังจมอยู่ในแม่น้ำโขงที่เป็นที่อยู่ของเหล่าพญานาค ในเมืองบาดาล เวินสุกอยู่ตรงข้าม กับบ้านหนองกุ้งอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ตรงนั้นเป็นบริเวณปากน้ำงึมไหลลงมาออกแม่น้ำโขง เป็นแม่น้ำสองสี ในเมื่อมีเมืองมนุษย์หรือโลกมนุษย์ โลกสวรรค์หรือเมืองสวรรค์ ก็ต้องมีเมืองบาดาล (เมืองพญานาค) ตามความเชื่อเมืองบาดาลอยู่ใต้เมืองมนุษย์ลงไปในใต้ดิน 16 กิโลเมตร และมีคำเล่าลือเกี่ยวกับเมืองบาดาลในเขต อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย อีกด้วย

ใต้เมืองโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย

ลักษณะของอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ด้านหัวเมืองจะมีลำห้วยหลวงไหลออกมา เรียกว่า ปากห้วยหลวง ตรงข้ามกับอำเภอโพนพิสัย คือ บ้านโดน ที่ขึ้นกับเมืองปากงึม ทุกวันนี้มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเมืองบาดาลที่เชื่อว่าอยู่ใต้อำเภอโพนพิสัยว่า ในหน้าแล้งจะมีหาดทรายขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่บริเวณอำเภอ โพนพิสัยหาดทรายนี้จะขึ้นอยู่ฝั่งลาว บริเวณบ้านโดน

วันหนึ่งในหน้าแล้งตอนเที่ยงวัน ได้มีหญิงสาวชาวบ้านโดนคนหนึ่ง ได้ลงมาตักน้ำเพื่อไปดื่ม โดยมีถังน้ำ (หาบครุน้ำ) ลงมาที่หาดทราย เพราะบริเวณนั้นมีน้ำออกบ่อ สะอาด (น้ำริน) เมื่อลงมาแล้วได้หายไป ชาวบ้านลงมาเห็นแต่ถังน้ำ (หาบครุน้ำ) พ่อแม่ต่างก็ตามหากันแต่ไม่พบจนครบ 7 วัน เมื่อไม่เห็นลูกสาว และคิดว่าคงจมน้ำตายแล้ว จึงได้พร้อมกับญาติพี่น้องชาวบ้านจัดทำบุญอุทิศให้ ในตอนกลางคืนก็มีหมอลำสมโภช จนเวลา ประมาณเที่ยงคืนลูกสาวคนที่เข้าใจว่าจมน้ำตายก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านกำลังฟังหมอลำกันอยู่ ทำให้ญาติพี่น้องแตกตื่นกันเป็นอย่างมาก บางคนก็วิ่งหนี เพราะคิดว่าเจอผีหลอก สุดท้ายลูกสาวจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากที่ตั้งสติได้ และแล้วญาติพี่น้องก็เข่ามาร่วมวงนั่งฟัง

หญิงสาวเล่าให้ทุกคนฟังว่า “วันนั้นอากาศร้อนมากน้ำดื่มหมดโอ่ง เมื่อลงไปเพื่อจะตักน้ำเมื่อวาง กระป๋องน้ำ (หาบครุ) ปรากฏว่าเห็นมีหมู เหมือนกับว่าได้ยกเท้าหน้า เรียกให้เข้าไปหา เมื่อเดินเข้าไปหาแล้วหมูตัวนั้นบอกว่าให้หลับตาจะพาลงไปเมืองบาดาล พอหลับตาได้สักครู่หมูตัวนั้นก็บอกให้ลืมตา เมื่อลืมตาขึ้นปรากฏว่าตนมาอยู่ อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับเมืองมนุษย์ มีดิน มีบ้านเรือนเรียงรายกันอยู่ แต่จะมีแปลกก็ตรงที่ทุกคนนุ่งผ้าแดง และมีผ้าพันศีรษะเป็นสีแดงเหมือนกัน โดยด้านหน้าจะปล่อยให้ผ้าแดงห้อยลงเหมือนกับหัวงู

เมื่อเดินตามชายคนนั้น (กลับร่างหมู กลายเป็นคน) ก็มีชาวบ้านถามกันว่า นำมนุษย์ลงมาทำไม (เพราะกลิ่นมนุษย์ต่างกับเมืองบาดาล) ชายคนนั้นก็บอกว่าพามาเที่ยวดูเมือง ได้เดินไปเรื่อย ๆ เมื่อแหงนหน้ามองดูท้องฟ้ากลับปรากฏว่า เป็นสีน้ำตาลอ่อน ๆ เหมือนสีขุ่น ๆ ของน้ำ

ชายคนนั้นได้บอกว่านี่เป็นเมืองบาดาล และเป็นเมืองหน้าด่าน ส่วนตัวเมืองหลวงนั้นยังอยู่อีกไกล และชาวเมืองจะมีงาน สมโภชเมื่อถึงวันออกพรรษาของเมืองมนุษย์ ซึ่งถือว่าตลอด 3 เดือนที่เข้าพรรษานั้น เหล่าชาวเมืองที่นี่จะจำศีลปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นการบูชาพระพุทธเจ้า หลังจากที่เดินชมเมืองอยู่ไม่นาน ชายคนนั้นก็ได้นำขึ้นมาส่ง โดยการเดินมาทางเดิมเรื่อย ๆ แต่ได้ขึ้นมายืน อยู่บริเวณหาดทรายเหมือนเดิม แล้วก็ได้ขึ้นมาหาพ่อ แม่”

จากการเล่าของลูกสาว พ่อ แม่ ญาติพี่น้องจึงได้จัดงานทำบุญทำพิธีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการต้อนรับขวัญให้กับลูกสาว ต่อมาอีก 7 วัน ลูกสาวก็ได้เจ็บป่วยและเสียชีวิตในที่สุด (เหตุการณ์นี้สอบถามได้จากผู้เฒ่า ผู้แก่ชาวโพนพิสัย คุ้มวัดศรีเกิดได้)

หลวงพ่อพระใส

ภาพหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย

หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่เมือง ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งมีฐานะเป็นวัดอารามหลวงตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมือง ห่างจากตัวเมืองหนองคายไปประมาณ 2 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 212 ทางไป อ.โพนพิสัย วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้อล่างถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้วของช่างไม้

ประวัติการสร้าง

ภาพประวัติการสร้าง หลวงพ่อพระใส

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานไว้ในหนังสือประวัติพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งพิมพ์แจกในงานทอดกฐินพระราชทาน พ.ศ. 2468 ว่า หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปหล่อในสมัยล้านช้าง และตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระธิดา 3 องค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นผู้สร้าง บางท่านก็ว่าเป็นพระราชธิดาของพระไชยเชษฐาธิราช ได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนามพระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง พระใสประจำน้องสุดท้อง มีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ

การประดิษฐาน

ภาพวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ (วัดหอก่อง)

เดิมทีนั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ พ.ศ. 2321 สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำ และถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีก ต่อมาในรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์เป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม

เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่น ในขณะนั้น เกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณนั้นได้นามว่า “เวินแท่น” การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น

ในที่สุดพระสุก ได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่าง ๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินสุก” และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ยังเหลือแต่ พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใสได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบัน คือ วัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)

ภาพหลวงพ่อพระใส สมญาว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก”

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคายไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียน จะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหัก จึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน ความอัศจรรย์ของหลวงพ่อพระใสจนได้สมญาว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก”

ศาลาแก้วกู่

ภาพปูชนียสถานเทวาลัย

ชาวหนองคายหลายคนเรียกที่นี่ว่า “วัดแขก” คนไกลหลายคนอาจจะคุ้นชื่อ “ศาลาแก้วกู่” จากข่าวดังเมื่อต้นปี พ.ศ. 2549 ที่มีเชื้อพระวงศ์เจ้าลาวและชายาถูกลอบสังหาร ขณะมาเที่ยวชมสถานที่นี้บ้าง หากมีจังหวะและโอกาสแล้วควรไปดูให้เห็นกับตา โดยเฉพาะนักประวัติศาสตร์ศิลปะและผู้เชี่ยวชาญทางประติมานวิทยาทั้งหลาย คงได้มุมมองนอกตำราที่คาดไม่ถึงเพิ่มขึ้นอักโข

ศาลาแก้วกู่สร้างขึ้นโดยการนำของ “ปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์” หรือ “ปู่เหลือ” (พ.ศ. 2476 – 2539) ซึ่งมีประวัติชีวิต และผลงานอัศจรรย์เกินกว่าจะประมวลได้ จึงขอเก็บความจากหนังสือ “ศาลาแก้วกู่” ฉบับ พ.ศ. 2540 พิมพ์ครั้งที่ 3 มาไว้พอสังเขป

“เมื่อนางคำปลิว สุรีรัตน์ (พี่สาวคนโต) ชาวหนองคาย แต่งงานได้ระยะหนึ่งก็ฝันว่ามีชีปะขาวนำนาคมรกตมามอบให้ แต่บอกว่าอีก 7 เดือน ค่อยไปรับมาเป็นของตน ต่อมาแม่ตั้งท้องลูกคนที่เจ็ดในวัยสูงอายุ และหมดประจำเดือนแล้ว และคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 7 เดือน ทุกคนจึงเชื่อว่าเป็นไปตามนิมิตในฝัน นางคำปลิวและสามีจึง รับน้องชายมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่แรกเกิด

ภาพเทวรูป

ด.ช. บุญเหลือ ชอบเข้าวัดมาแต่เด็ก พออายุได้ 6 ปี นางคำปลิวเสียชีวิตลง สามีนางคำปลิวมีภรรยาใหม่ ด.ช. บุญเหลือ จึงกลับไปอยู่กับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด แต่มักขัดขวาง ห้ามปรามผู้ใหญ่ในทางบาปต่าง ๆ จึงไม่เป็นที่รักใคร่ของญาติพี่น้อง ครั้นอายุ 12 ปี ทนความกดดันรอบข้างไม่ไหว จึงหนีออกจากบ้านรอนแรมไปจนพบสำนักอาศรมแก้วกู่ ในเขตแดนลาว และได้ฝากตัวศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมอยู่กับพระมุนีที่นั่น จนอายุครบ 20 ปี พระมุนีจึงให้ออกจากสำนักไปจาริกแสวงบุญโปรดญาติโยมทั้งใกล้และไกล เมื่ออายุ 30 ปี จึงได้กลับมาปรนนิบัติตอบแทนคุณในวาระสุดท้ายของชีวิตพ่อแม่ ก่อนแม่สิ้นบุญในปี พ.ศ. 2507 ได้มอบที่ดิน 8 ไร่ ณ บ้านเชียงควาน เมืองท่าเดื่อ เวียงจันท์ไว้เป็นมรดก

ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา

ปี พ.ศ. 2513 ปู่เหลือได้พัฒนาที่ดินดังกล่าวสร้างเป็น “ปูชนียสถานเทวาลัยอย่างมหึมา” พุทธศาสนิกชนทั้งในภาคพื้นยุโรป และเอเชียเลื่อมใสมาก แต่เมื่อเกิดเหตุ วิกฤตในราชอาณาจักรลาวเมื่อปี พ.ศ. 2518 หลวงปู่จึงพาลูกศิษย์ข้ามโขงมา และรวมกันจัดตั้งเป็น “พุทธมามกสมาคมจังหวัดหนองคาย” โดยกรมการศาสนารับรองให้ ในปี พ.ศ. 2519

ปี พ.ศ. 2521 สานุศิษย์ได้จัดซื้อที่ดินราว 41 ไร่ ในเขตบ้านสามัคคี ต.หาดคำ ถวายให้เป็นที่ตั้งสำนักจวบจนปัจจุบัน ต้นปี พ.ศ. 2527 ปู่เหลือถูกใส่ความ และมีผู้ไปแจ้งตำรวจตั้งข้อหาฉกรรจ์ (ซึ่งทางสำนักขอสงวนไว้) ต้องอยู่ในเรือนจำจนถึงปลายปี พ.ศ. 2529

เมื่อออกมาแล้วก็สร้างเทวรูปอีกมากมาย ทั้งเล็กและใหญ่ และทั้งขนาดที่สูงถึง 33 เมตร เมื่อสร้างทั้งพุทธรูปและเทวรูปถึง 209 ปางแล้ว ก็สร้างศาลาแก้วกู่หลังใหม ่โดยรื้อหลังเก่า (พ.ศ. 2523–2538) ที่ทรุดโทรมลง ขณะก่อสร้างศาลาหลังใหม่ ปู่เหลือก็ล้มป่วยและต่อมาได้เสียชีวิตลงในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2539 สานุศิษย์ได้นำผอบแก้วใส่ร่างของท่านไว้ตามความประสงค์ก่อนสิ้นชีวิต”

บรรณานุกรม

garudathailand.(ม.ป.ป.). http://www.garudathailand.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538624724

nalumontour.(ม.ป.ป.). http://www.nalumontour.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=88204&Ntype=1

ryt9. (2001, May 21). NONG KHAI VOTED ONE OF THE BEST PLACES TO LIVE ABROAD FOR U.S. SENIOR CITIZENS. ค้นเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2566, จาก https://www.ryt9.com/en/prg/26041

thaigoodview.(ม.ป.ป.). รู้จักหนองคาย. http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/buengkhonglong/sec01p01.html

จังหวัดหนองคาย ศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย. (ม.ป.ป.) ข้อมูลทั่วไป จังหวัดหนองคาย. http://www.nongkhai.go.th

บริษัท โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์. (ม.ป.ป.). สถานที่ท่องเที่ยวท่องเที่ยว 76 จังหวัด. https://www.oceansmile.com/VdoTat.htm

พญานาค. (2566, พฤศจิกายน 10). ใน วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. ค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2566, จาก http://th.wikipedia.org/wiki/พญานาค

พลังจิต. (ม.ป.ป.). http://www.palungjit.com/gallery/showphoto.php?photo=1635&cat=504

วารสารเมืองโบราณ. (ม.ป.ป.). http://www.muangboranjournal.com/modules.php?name=News&file=article&sid=1444

ศาลาแก้วกู่. (ม.ป.ป.). http://sala-saeoku.blogspot.com/

ภาพประกอบ

thaigoodview. (ม.ป.ป.). ตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดหนองคาย. http://www.thaigoodview.com/library/teachershow/poonsak/buengkhonglong/sec01p01.html

oknation. (ม.ป.ป.). พญานาค. http://www.oknation.net/blog/bluehawaii/2007/05/25/entry-1

thaimtb. (ม.ป.ป.). หลวงพ่อพระใส. http://www.thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=197552&st=31

muangboranjournal. (ม.ป.ป.). ศาลาแกว้กู่. http://www.muangboranjournal.com

รวบรวมข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาสารสนเทศศึกษา ปีการศึกษา1/2551