ชาเกี่ยวกับศิลปวัฒธรรม และประเพณี

Yurimjang: พิธีการฝังศพของสำนักหยูเจีย (สำนักปรัญญาของขงจื้อ)

ภาพที่ 1 พิธีฝังศพของสำนักหยูเจีย
ภาพที่ 1 พิธีฝังศพของสำนักหยูเจีย

พิธีฝังศพของสำนักหยูเจีย ได้ยึดถือปฏิบัติครั้งล่าสุด เมื่อ 14 มกราคม 1997 ที่ จังหวัด ไอโซ-เอมยอน, ชองโดกัน, คยังแสง-บักดู เรียกว่า “ยูริมจัง (Yurimjang)” ซึ่งยึดถือกันมามากกว่า 10 ปีมาแล้ว ก่อนหน้านั้นเรียก พิธีศพหลัก ว่า Pak Hyo-su (1906-1996)

พิธีการและรายละเอียดต่าง ๆ ของพิธีศพได้ถูก กำหนดโดย กลุ่มตัวแทนลูกศิษย์ของสำนักหยูเจีย จะแสดงบริเวณที่ฝังศพและวันที่ฌาปนกิจศพด้วย “ยูริมจัง” จะถูกทำกันหลังจากคนตาย 15 วัน ในอดีต ช่วง 15 วัน เรียกว่า “Yuwolyang” ซึ่งจำเป็น ต้องให้คนใช้หรือผู้ส่งสาร สามารถ แจ้งข่าวการ ฌาปนกิจศพไปยังญาติ คนรู้จักและเพื่อนของผู้ตาย ด้วยความนับถือกัน

คนที่ได้รับคัดเลือกมาเป็นผู้นำพิธี คือ ลูกชายคนโต ของผู้ตาย มีการจัดเตรียม ของเซ่นไหว้ ซึ่งรวมน้ำชาด้วยที่จะต้อง ทำในพิธีทั้งก่อนและหลังทำฌาปนกิจ ดังภาพที่ 1

ภาพที่ 2 การจัดโต๊ะบูชาทำพิธีไหว้บรรพบุรุษ
ภาพที่ 2 การจัดโต๊ะบูชาทำพิธีไหว้บรรพบุรุษ

ที่บ้านของผู้ตายก็จะมีการจัดโต๊ะบูชา มีรูปของผู้ตาย พร้อมกับของไหว้ทั้งนี้ก็มีน้ำชา มาประกอบในพิธีไหว้บรรพบุรุษด้วย

ที่มา: แปลเรียบเรียงจาก Yurimjang: A Confucian Funeral Ceremony. 1997. SEOUL. May 1997: 12-19.

การฝึกหัดชงชาตามวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ “Myeongwon” ในเกาหลี

ภาพชาวต่างชาติกำลังเรียนรู้วัฒนธรรมการชงชาแบบดั้งเดิมที่ "Myeongwon" ในเกาหลี
ภาพที่ 3 ชาวต่างชาติกำลังเรียนรู้วัฒนธรรมการชงชาแบบดั้งเดิมที่ “Myeongwon” ในเกาหลี

ที่ประเทศเกาหลี จะมีสถาบันการปรุงอาหารเกาหลี เช่น กัลบิ (galbi), บูลกูกิ (bulgugi) บิบิมบัพ (bibibap) (rice mixed with vegetables) เป็นต้น และที่พิพิธภัณฑ์ประชาชนแห่งชาติเกาหลี บริเวณใกล้เคียง จะมีคนต่างชาติที่นั่งบนพื้น เป็นกลุ่ม ๆ ละ 5-10 คน พวกเขากำลังเรียนพิธีการชงชาแบบดั้งเดิม คนเหล่านั้นประกอบด้วย นักท่องเที่ยว, นักศึกษา, หรือนักธุรกิจชายพร้อมภรรยาของเขา ซึ่งพวกเขาสามารถสมัครเรียน ภายใต้เงื่อนไข การอธิบายเป็นภาษาอะไรก็ได้ เช่น อังกฤษ ญีปุ่น หรืออื่น ๆ พวกเขามักจะชื่นชอบ “บรรยากาศที่เงียบและรู้สึกมีสันติภาพ เมื่อพวกเขาดื่มชาตามที่พวกเขาขอ”

ที่มา: ภาพและเรื่อง แปลเรียบเรียง My Korea Encounter with Foof. 2002. Pictorial Korea. OCTOBER 2002: 33-34.

Qiniangma: วันอำลาวัยเด็ก เทศกาลสำคัญในจีนและไต้หวัน

ภาพ พิธี Qiniangma : วันอำลาวัยเด็กเมื่ออายุครบ 16 ปี ของจีนและไต้หวัน
ภาพที่ 4 พิธี Qiniangma: วันอำลาวัยเด็กเมื่ออายุครบ 16 ปี ของจีนและไต้หวัน

พ่อกับแม่ กำลังรับ น้ำชาที่ ลูกของตัวเองได้มอบให้ใน วัน Qiniangma (วันอำลาวัยเด็ก) (อายุครบ 16 ปี) คืนวันที่ 7 เดือนที่ 7 (เดือนทางจันทรคติ) เป็นวันแห่งความรักของจีน (เหมือนวันวาเลนท์ไทน์ในประเทศตะวันตก) จากตำนานพันปี ผ่านมาแล้ว มีหนุ่มเลี้ยงวัวกับหญิงสาวทอผ้า ทั้งคู่ได้มาพบรักกันบนสะพานของนกแมก-ไพ ในคืนมีแสงจันทร์ส่องที่ 7 เดือน 7 ความรักของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวานชื่นและขมขื่น

ต่อมาภายหลัง ก็ได้กลายมาเป็นวันแห่งความรักของจีน (Chinese Lover’s Day) หลาย ๆ ที่ก็จะมีการเฉลิมฉลองกันในเทศกาลนี้ ถือว่าเป็นคืนแห่งการอำลาวัยเด็ก ของเด็กวัยหนุ่ม – สาว อายุครบ 16 ปี ทั้งใน จีน และ ไต้หวันด้วยจะมีพิธีมอบน้ำชา (ดังรูป) ของลูกให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อเคารพ และ ขอบคุณ พ่อ-แม่ ของตน ในคืนวันนี้ ซึ่งจะเป็นคืนที่แสน โรแมนติก ของหนุ่ม- สาว และ วันที่พ่อแม่มีความสุข ที่เลี้ยงลูกจนเติบโต

ภาพเครื่องแต่งกายของเด็กหนุ่ม ที่จะเข้าพิธี Qiniangma
ภาพที่ 5 เครื่องแต่งกายของเด็กหนุ่ม ที่จะเข้าพิธี Qiniangma

เครื่องแต่งกายของเด็กหนุ่ม ที่จะเข้าพิธี Qiniangma อย่างเช่น ที่วัด “Kailung” ของไต้หวันจะเป็นจุดรวม ของเด็กวัยหนุ่ม-สาว ที่มีอายุครบ 16 ปี พร้อมกับพ่อแม่ผู้ปกครอง มากกว่า 300 คน โดยเด็กผู้ชาย จะสวมชุดคลุมใหญ่สีทอง ดูเงียบสงบและไร้กังวล เตรียมชุดน้ำชา ไว้มอบให้ พ่อกับแม่

ที่มา: ภาพและเรื่อง แปลเรียบเรียงจาก A Farewell to Childhood: Qiniangma. 2001. sinorama.26, 12 (December 2001): 98-103.

Mt.Ali: ชาจากภูเขาสูง ในไต้หวัน

ภาพภูมิประเทศที่ปลูกชาที่มีคุณภาพดีที่สุด หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว เป็นยอดเขาสูง มีความร้อนของไอน้ำพุ่งออกจากพื้นดิน
ภาพที่ 6 ภูมิประเทศที่ปลูกชาที่มีคุณภาพดีที่สุด หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว เป็นยอดเขาสูง มีความร้อนของไอน้ำพุ่งออกจากพื้นดิน
 
ชาวไต้หวัน รู้จักชามามากกว่า 150 ปีแล้ว แต่ไม่เป็นที่แพร่หลาย ในช่วง 130 ปี แรก เพราะราคาจะแพงมากคนธรรมดาๆ จะหาซื้อได้ยาก  20 ปีให้หลังถึงมีการแพร่หลายมากขึ้นราคา ก็พอจะจับจ่ายได้ แต่คนส่วนมากก็ยังไม่รู้จัก ชา “oolong” ซึ่งเป็นชาที่มีชื่อเสียงมาก  ซึ่ง  ” เฉิน  ฮวน-ถัง (Chen Huan_tang) ”  ผู้แต่งหนังสือ “Liberating Formosan Oolong Tea,” ได้แต่งไว้ และนำมาสร้างภาพยนต์ เรื่อง “Hundred year  okd black dragon” (คาร์แรกเตอร์ (Charactor) ของคนจีนที่เกี่ยวกับชา oolong)
 
เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลเขตเเชียยิ (Chiayi) ได้แบ่งเขตเก็บเกี่ยวชา  ไม่เฉพาะชา oolong เท่านั้น  รัฐบาลได้ปลดปล่อยให้มีอิสระ มีเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ  และเมื่อ ธันวาคม 2002 ได้จัดประกวด รางวัลชาทองคำ (The Golden Tea Awards)   เป็นตัวที่การันตีว่า ชาที่ดีที่สุดในโลก  อยู่ที่ไต้หวัน และที่ดีของดีที่สุดเป็นชาที่เติบโตใน ภูเขาเอลี่ (Mt. Ali)
 
ชาเป็นชีวิตและวัฒนธรรม มีคนเคยบอกว่า “ดื่มชา จิบแรกทำให้ตื่น  จิบที่สองรู้สึกว่ามีพลังเพิ่มขึ้น จิบที่สามให้ความคิดของคุณโลดแล่น และจิบต่อ ๆ ไปทำให้ดับกระหาย ” จะเห็นว่า ชาเป็นเครื่องดื่มของคนส่วนมาก แม้กระทั่ง ลิง ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า ลิงตัวหนึ่ง ได้วิ่งหนีเจ้าของไป 3 วัน  แล้วมันก็กลับมา เพราะมาขาด ชาไม่ได้  เพราะตอนอยู่กับเจ้าของ ๆ จะชงชาให้ลิงดื่ม เสมอ ๆ
 
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก Mt. Ali High Mountain Tea. 2003. sinorama. 28,3(March 2003): 90-97.

จงถงชางนักสะสมป้านจื่อชา

ป้านจื่อซา สมัยราชวงศ์ชิงตอนกลาง ป้านจื่อซา สมัยราชวงศ์ชิงตอนกลาง ป้านจื่อชาลายองุ่น สมัยราชวงศ์ หมิง ป้านจื่อชาลายองุ่น สมัยราชวงศ์ หมิง
ป้านจื่อซา สมัยราชวงศ์ชิง ปลาที่ฝาแปลกดี ป้านจื่อซา รูประฆังสมัยราชวงศ์ชิง(บน) และเตาอุ่นชา(ล่าง) ป้านจื่อซา รูประฆังสมัยราชวงศ์ชิง(บน) และเตาอุ่นชา(ล่าง)
ป้านจื่อซา ทรงสี่เหลี่ยม ป้านจื่อซา ทรงสี่เหลี่ยม    

“ป้านจื่อชา” เป็นชื่อเรียก ภาชนะดินสีน้ำตาล (ดินจื่อชา) สำหรับชงน้ำชา เริ่มมีมาแต่สมัยราชวงศ์หมิงและเจริญรุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์หมิง เนื่องจากป้านจื่อชามีลักษณะพิเศษเมื่อใช้ชงชาแล้วจะได้น้ำชาที่มีรสหอมบริสุทธิ์และใช้กันมานานแล้ว ตัวป้านจื่อชามีเงาก็ยิ่งสวยงาม

ภาพจงถงชาง นักสะสมป้านจื่อชา คนจีน
ภาพที่ 7 จงถงชาง นักสะสมป้านจื่อชา คนจีน

การเก็บสะสมป้านจื่อชา บุคคลธรรมดาสะสมป้านจื่อชาที่มีคุณค่า 1 หรือ 2 ใบ ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก จงถงชาง นักสะสมป้านจื่อชา เป็นผู้ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมนิทรรศการนักสะสมโบราณวัตถุแห่งบูรพา ปี ค.ศ. 1994 เป็นจำนวนมาก นิตยสารภาพจีนจึงได้ไปเยี่ยมเขาที่บ้าน ซึ่งเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ในห้องรับแขกที่ผนังห้องมีเขาจามรีของธิเบตแขวนประดับอยู่ และมีรูปถ่ายในท้องถิ่นงามโดดเด่นสะดุดตา ที่มุมห้องมีแผ่นไม้กั้นห้องหลายบาน บนแผ่นไม้เหล่านั้นต่างก็แกะสลักลวดลายโบราณ บนโต๊ะมีกระปุกลายสีฟ้าในรัชสมัยคังชี ราชวงศ์ชิงตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังมีเฟอร์นิเจอร์ที่เลียน แบบสมัยโบราณ เครื่องประดับบ้านเหล่านี้สร้างจากไม้ฮาวาหลีซึ่งเป็นไม้มีค่า และยังมีป้านกระปุก ที่มีประวัติศาสตร์หลายพันปีมาแล้ว หลายใบ มีแผ่นไหมศิลปหัตถกรรมเย็บปักถักร้อยของราชสำนักของพื้นบ้านและของเก่ามีค่านานาชนิดจนลานตาไปหมด

ที่มา: หวั่นซิ่วอิ่ง. 2540. จงถงชางนักสะสมป้านจื่อชา. จีนนิตยสารภาพ. 10,114(เมษายน 2540): 24-25.

ป้านชาและกาโบราณของน้อย เชื้อวิวัฒน์

ภาพคุณน้อย เชื้อวิวัฒน์
ภาพที่ 8 คุณน้อย เชื้อวิวัฒน์

คุณน้อย เชื้อวิวัฒน์ แห่งสถาบัน เสริมสวยเกตุวดี-แกนดินี่
นักสะสม ป้านชาและกาโบราณ คนไทยที่สะสมมานานถึง 20 ปี

ตัวอย่างป้านชา คนไทย

Ladakh ชนกลุ่มน้อยในธิเบต

การให้การต้อนรับขับสู้ ด้วยความมีมิตรไมตรีจิตของผู้คนชาว “Ladakh” โดยนำอาหารและน้ำชา มาต้อนรับแขกผู้มาเยือน

ภาพการให้การต้อนรับขับสู้ ด้วยความมีมิตรไมตรีจิตของผู้คนชาว "Ladakh"
ภาพที่ 9 การให้การต้อนรับขับสู้ ด้วยความมีมิตรไมตรีจิตของผู้คนชาว “Ladakh”

เมือง”ลาดัคช์” ดินแดนที่สงบอย่างล้ำลึก มีบรรยากาศ ที่มีเสียงเพลงก้องไปตามสายน้ำ สายลม และมีก้อนเมฆที่แปรเปลี่ยนไปตามกระแสลม เมืองนี้สงบและสวนงามราวกับภาพวาด ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ปกคลุมด้วยหิมะ และช่องทางแคบๆ ซึ่งได้ยินเสียงเครื่องดนตรีบรรเลง ของกลุ่มพระสงฆ์ชาวพุทธ เป็นทำนองลูกทุ่ง และชาวบ้านก็เต้นรำตามจังหวะ

โดยมีอาณาเขต ที่ทิศตะวันออกติด กับประเทศธิเบต และทิศเหนือติดกับ ซินเกียง( Sinkiang) มีแม่น้ำ อินดัช(Indus ) ไหลผ่านทะลุลาดัคช์ ทิศเหนือลัอมรอบด้วยเทือกเขา คาราโครัม(Karakoram) และทิศใต้ล้อมรอบด้วยเทือกเขา หิมาลายา(Himalayas)

ในอดีต แม่น้ำ อินดัช(Indus) มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่เหนือหมู่บ้าน จึงเป็นเส้นทางสำคัญ ของนักแสวงบุญ และพวกพ่อค้า

ปัจจุบัน เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจที่ดีที่สุด ตามลักษณะภูมิประเทศของ Ladakh คือ Gompas แห่งพุทธศาสนา  (วัด) ที่ตั้งอยู่จุดสูงสุดของภูเขา มีหน้าผาสูงลอยยื่นออกไปเป็นสง่า และสถานที่ใกล้เคียงก็ถูกจัดเตรียมสำหรับชาวพุทธ ผู้เลื่อมใสศรัทธาอย่างเคร่งครัด ไว้สักการบูชา และทำสมาธิ และเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ของพระสงฆ์ในธิเบต

ที่มา : ภาพและเรื่องแปลเรียบเรียง Ladakh Where serenity prevails. 1999. INDIA PERSPECTIVES.12,6 (JUNE 1999): 9-14.

ถ้วยชาโบราณ

ถ้วยชา “อิโคะ” ของเกาหลี ได้รับความชื่นชมจากปรัมจารย์ชาในญี่ปุ่นว่าเป็นถ้วยชาที่งดงามที่สุด
ถ้วยจีนสีน้ำเงิน ยุคราชวงศ์ซุ่ง เป็นที่นิยมในราชสำนักญี่ปุ่นยุคแรก
ชามผลไม้ ลายดอกไม้เคลือบสีน้ำเงิน-ขาว ราชวงศ์หมิง ราคาราว 7.8 ล้านบาท
ชามจีน “เฉิงหัว” ราชวงศ์หมิงรูปปราชญ์กำลังพึงใจกับรจนาตัวอักษร ราคา 12 ล้านบาท
ชามราชวงศ์ชิง ลายผีเสื้อกับลูกไม้ จากมณฑลกว่างซี ราคา 5 ล้านบาท
จานลายลูกท้อ”หยงเจิ้ง” ราชวงศ์ชิง ราคาประมูลประมาณ 22 ล้านบาท
 ถ้วย “ชิโนะ” เป็นแบบฉบับของญี่ปุ่นแดง หลังจากช่างปั้นพัฒนารูปลักษณ์ของถ้วยชาให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของจีน

การดื่มชา และพิธีชงชา

ภาพการดื่มชา และพิธีชงชา
ภาพที่ 10 การดื่มชา และพิธีชงชา

ชา เป็นที่รู้จักกัน ว่าถือกำเนิดที่ มณฑล ยูนนาน(Yunnan) ทางด้าน ตะวันตกเฉียงใต้ ของจีน, การดื่มชาถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติของผู้ดี ใบชาละลายในน้ำร้อน อุณหภูมิ 50-60 C° ต้มชาสักครู่ จะได้รสชาติและกลิ่นหอมละมุน

การดื่มชา นิยมสูงสุด ระหว่าง ของ คอร์โย(Koryo) (918-1392) ชาถือได้ว่า “เป็นสมบัติมีค่าในพระราชวังและวัด” (King Song jong(r.981-1910)) ในช่วงเวลานี้ สำนักงานที่เกี่ยวข้องกับชาทุกที่ รวมถึงพระราชวังและวัด ได้มีพัฒนา “หมู่บ้านชา(tea villages)” ที่จะเพาะปลูก และโรงงานผลิตชา ชาได้กลายมาเป็นของเส้นไหว้ ของถวาย ระหว่างช่วง Choson(1392-1910) เจ้าสาวจะใช้น้ำชาไหว้ บรรพบุรุษของสามี เพี่อเป็นการแนะนำตัวเอง

พิธีชงชา จะรวมถึงกฎ มารยาทของสมบัติผู้ดีและปรัชญา ของประเทศทางตะวันออก สิ่งเหล่านี้รวมเข้าไปเป็นโปรแกรมการศึกษา สมบัติผู้ดีแบบดั้งเดิม ของสถาปันที่เปิดสอน “ชาเป็นบางสิ่งที่ควรบ่งบอกถึงความสงบ” ในทางศาสนา ชา “ช่วยให้กระจ่าง แจ่มแจ้ง และ ทำให้เกิดความอดทน”

พระสงฆ์กับใบชา

ภาพพระสงฆ์กำลังเก็บใบชาจากพุ่มชาที่ปลูกไว้เป็นบริเวณกว้าง ข้างหลังวัด "Seonamsa"
ภาพที่ 11 พระสงฆ์กำลังเก็บใบชาจากพุ่มชาที่ปลูกไว้เป็นบริเวณกว้าง ข้างหลังวัด “Seonamsa”
พระสงฆ์กำลังเก็บใบชาจากพุ่มชา ที่ปลูกไว้เป็นบริเวณกว้าง ข้างหลังวัด “Seonamsa” ประชาชนเกาหลี อาศัยอยู่ท่ามกลางภูมิประเทศที่มีภูเขาล้อมรอบ พื้นที่เป็นภูเขาและวัดภูเขาของชาวพุทธ ภูเขา”Jogyesan ” ใน “Suncheon” อยู่ที่ “Seonamsa” หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของวัดภูเขา โดยปกติแล้วผู้มาเยือน จะเคลื่อนเข้ามาสู่โลกของสันติภาพและที่เข้าณาน ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้เริ่มบาน  ในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เป็นความงดงาม ของ “Seonamsa” เป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมกัน ระหว่าง สะพานหินที่มีหลังคา และตึกแสดงมหรสพ มันยากที่จะพรรณนาเป็นคำพูดได้
 
“Seungseongyo” ถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งของสิ่งที่สง่างามที่สุด และเป็นธรรมชาติของสะพานเกาหลี แบบดั้งเดิม สิ่งก่อสร้างของ “Seonamsa” เป็นโบราณวัตถุ และดูลักษณะสงบ เส้นที่โค้งขึ้นของถ้ำซ้อนกัน  ถูกมองเห็นกำแพงหินต่ำ และบ่อน้ำ อีกข้างหนึ่งเป็นสวนผักที่พระสงฆ์ได้ปลูกไว้ ซึ่งทำให้วัดเป็นบรรยากาศของสถานโบราณที่เก่าแก่  พื้นห้องน้ำทำด้วยไม้ตามแบบดั้งเดิม ซึ่งเหมาะสมดีกับสิ่งแวดล้อม  แบบจำลองของห้องน้ำ ถูกแสดงลักษณะเด่นในโฆษณา TV.
 
ข้างหลังวัดปลูกต้นชาเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งพระสงฆ์ก็จะทำเป็นโรงชงน้ำชา  น้ำชาจะมีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งกลิ่นและรสชาติ ผู้ที่รักการดื่มน้ำชาเป็นจำนวนมาก มักจะชื่นชอบการมาวัดเป็นพิเศษ โดยหวังว่าจะมาดื่มชาและสนทนาธรรมกับพระผู้ใหญ่ในวัด
 
“Jiheo” ผู้ซึ่งรักและพึงพอใจในการดื่มน้ำชา เขารู้ว่า “ชาที่ปลูกโดยพระสงฆ์ถูกลิ้มรส ที่ร้านน้ำชาที่ตั้งอยู่ในวัด และมันให้รสชาติ ซึ่งทำให้อารมณ์บุคคลสงบโดยธรรมชาติ”
 
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก Lee Han-yong. 2002. From Suncheon to Boseong. Pictorial KOREA. March 2002: 22-27.

บรรณานุกรม

Chang Chiung-fang. 2003. Mt.Ali High Mountain Tea sinorama. 28,3 (March 2003): 90-97.

K.L. Sharma. 1999. Ladakh where Serenity Prevails. India Perspectives. 12,6 (JUNE 1999): 9-14.

KIM MIN-A. 1997. Yurimjang: A Confucian Funeral Ceremony. SEOUL. MAY 1997: 12-19.

Lee Han-yong. 2002. Travel From Suncheon to Boseong Where The Original Beauty of Korea is
Preserved. Pictorial KOREA. MARCH 2002: 22-26.

My Korea Encounter with Food As They Say, Food Brings People Closer Together. 2002. Pictorial KOREA. October 2002: 32-34.

Tsai Wen-ting. 2001. A Farewell to Childhood: Qiniangma. sinorama. 26,12 (December 2001):
98-103.

หวั่งซิ่วอิ่ง. 2540. ศิลปวัฒนธรรม จงถงชาง นักสะสมป้านจื่อชา. จีนนิตยสารภาพ. 10,114 (เมษายน 2540):
24-25.

รวบรวมข้อมูลโดย: หน่วยพัฒนาเว็บไซต์ งานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปี 2553)