Yurimjang: พิธีการฝังศพของสำนักหยูเจีย (สำนักปรัญญาของขงจื้อ)

พิธีฝังศพของสำนักหยูเจีย ได้ยึดถือปฏิบัติครั้งล่าสุด เมื่อ 14 มกราคม 1997 ที่ จังหวัด ไอโซ-เอมยอน, ชองโดกัน, คยังแสง-บักดู เรียกว่า “ยูริมจัง (Yurimjang)” ซึ่งยึดถือกันมามากกว่า 10 ปีมาแล้ว ก่อนหน้านั้นเรียก พิธีศพหลัก ว่า Pak Hyo-su (1906-1996)
พิธีการและรายละเอียดต่าง ๆ ของพิธีศพได้ถูก กำหนดโดย กลุ่มตัวแทนลูกศิษย์ของสำนักหยูเจีย จะแสดงบริเวณที่ฝังศพและวันที่ฌาปนกิจศพด้วย “ยูริมจัง” จะถูกทำกันหลังจากคนตาย 15 วัน ในอดีต ช่วง 15 วัน เรียกว่า “Yuwolyang” ซึ่งจำเป็น ต้องให้คนใช้หรือผู้ส่งสาร สามารถ แจ้งข่าวการ ฌาปนกิจศพไปยังญาติ คนรู้จักและเพื่อนของผู้ตาย ด้วยความนับถือกัน
คนที่ได้รับคัดเลือกมาเป็นผู้นำพิธี คือ ลูกชายคนโต ของผู้ตาย มีการจัดเตรียม ของเซ่นไหว้ ซึ่งรวมน้ำชาด้วยที่จะต้อง ทำในพิธีทั้งก่อนและหลังทำฌาปนกิจ ดังภาพที่ 1

ที่บ้านของผู้ตายก็จะมีการจัดโต๊ะบูชา มีรูปของผู้ตาย พร้อมกับของไหว้ทั้งนี้ก็มีน้ำชา มาประกอบในพิธีไหว้บรรพบุรุษด้วย
ที่มา: แปลเรียบเรียงจาก Yurimjang: A Confucian Funeral Ceremony. 1997. SEOUL. May 1997: 12-19.
การฝึกหัดชงชาตามวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ “Myeongwon” ในเกาหลี

ที่ประเทศเกาหลี จะมีสถาบันการปรุงอาหารเกาหลี เช่น กัลบิ (galbi), บูลกูกิ (bulgugi) บิบิมบัพ (bibibap) (rice mixed with vegetables) เป็นต้น และที่พิพิธภัณฑ์ประชาชนแห่งชาติเกาหลี บริเวณใกล้เคียง จะมีคนต่างชาติที่นั่งบนพื้น เป็นกลุ่ม ๆ ละ 5-10 คน พวกเขากำลังเรียนพิธีการชงชาแบบดั้งเดิม คนเหล่านั้นประกอบด้วย นักท่องเที่ยว, นักศึกษา, หรือนักธุรกิจชายพร้อมภรรยาของเขา ซึ่งพวกเขาสามารถสมัครเรียน ภายใต้เงื่อนไข การอธิบายเป็นภาษาอะไรก็ได้ เช่น อังกฤษ ญีปุ่น หรืออื่น ๆ พวกเขามักจะชื่นชอบ “บรรยากาศที่เงียบและรู้สึกมีสันติภาพ เมื่อพวกเขาดื่มชาตามที่พวกเขาขอ”
ที่มา: ภาพและเรื่อง แปลเรียบเรียง My Korea Encounter with Foof. 2002. Pictorial Korea. OCTOBER 2002: 33-34.
Qiniangma: วันอำลาวัยเด็ก เทศกาลสำคัญในจีนและไต้หวัน

พ่อกับแม่ กำลังรับ น้ำชาที่ ลูกของตัวเองได้มอบให้ใน วัน Qiniangma (วันอำลาวัยเด็ก) (อายุครบ 16 ปี) คืนวันที่ 7 เดือนที่ 7 (เดือนทางจันทรคติ) เป็นวันแห่งความรักของจีน (เหมือนวันวาเลนท์ไทน์ในประเทศตะวันตก) จากตำนานพันปี ผ่านมาแล้ว มีหนุ่มเลี้ยงวัวกับหญิงสาวทอผ้า ทั้งคู่ได้มาพบรักกันบนสะพานของนกแมก-ไพ ในคืนมีแสงจันทร์ส่องที่ 7 เดือน 7 ความรักของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวานชื่นและขมขื่น
ต่อมาภายหลัง ก็ได้กลายมาเป็นวันแห่งความรักของจีน (Chinese Lover’s Day) หลาย ๆ ที่ก็จะมีการเฉลิมฉลองกันในเทศกาลนี้ ถือว่าเป็นคืนแห่งการอำลาวัยเด็ก ของเด็กวัยหนุ่ม – สาว อายุครบ 16 ปี ทั้งใน จีน และ ไต้หวันด้วยจะมีพิธีมอบน้ำชา (ดังรูป) ของลูกให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อเคารพ และ ขอบคุณ พ่อ-แม่ ของตน ในคืนวันนี้ ซึ่งจะเป็นคืนที่แสน โรแมนติก ของหนุ่ม- สาว และ วันที่พ่อแม่มีความสุข ที่เลี้ยงลูกจนเติบโต

เครื่องแต่งกายของเด็กหนุ่ม ที่จะเข้าพิธี Qiniangma อย่างเช่น ที่วัด “Kailung” ของไต้หวันจะเป็นจุดรวม ของเด็กวัยหนุ่ม-สาว ที่มีอายุครบ 16 ปี พร้อมกับพ่อแม่ผู้ปกครอง มากกว่า 300 คน โดยเด็กผู้ชาย จะสวมชุดคลุมใหญ่สีทอง ดูเงียบสงบและไร้กังวล เตรียมชุดน้ำชา ไว้มอบให้ พ่อกับแม่
ที่มา: ภาพและเรื่อง แปลเรียบเรียงจาก A Farewell to Childhood: Qiniangma. 2001. sinorama.26, 12 (December 2001): 98-103.
Mt.Ali: ชาจากภูเขาสูง ในไต้หวัน

![]() |
![]() |
![]() |
จงถงชางนักสะสมป้านจื่อชา
![]() |
ป้านจื่อซา สมัยราชวงศ์ชิงตอนกลาง | ![]() |
ป้านจื่อชาลายองุ่น สมัยราชวงศ์ หมิง |
![]() |
ป้านจื่อซา สมัยราชวงศ์ชิง ปลาที่ฝาแปลกดี | ![]() |
ป้านจื่อซา รูประฆังสมัยราชวงศ์ชิง(บน) และเตาอุ่นชา(ล่าง) |
![]() |
ป้านจื่อซา ทรงสี่เหลี่ยม |
“ป้านจื่อชา” เป็นชื่อเรียก ภาชนะดินสีน้ำตาล (ดินจื่อชา) สำหรับชงน้ำชา เริ่มมีมาแต่สมัยราชวงศ์หมิงและเจริญรุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์หมิง เนื่องจากป้านจื่อชามีลักษณะพิเศษเมื่อใช้ชงชาแล้วจะได้น้ำชาที่มีรสหอมบริสุทธิ์และใช้กันมานานแล้ว ตัวป้านจื่อชามีเงาก็ยิ่งสวยงาม

การเก็บสะสมป้านจื่อชา บุคคลธรรมดาสะสมป้านจื่อชาที่มีคุณค่า 1 หรือ 2 ใบ ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก จงถงชาง นักสะสมป้านจื่อชา เป็นผู้ที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมนิทรรศการนักสะสมโบราณวัตถุแห่งบูรพา ปี ค.ศ. 1994 เป็นจำนวนมาก นิตยสารภาพจีนจึงได้ไปเยี่ยมเขาที่บ้าน ซึ่งเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ในห้องรับแขกที่ผนังห้องมีเขาจามรีของธิเบตแขวนประดับอยู่ และมีรูปถ่ายในท้องถิ่นงามโดดเด่นสะดุดตา ที่มุมห้องมีแผ่นไม้กั้นห้องหลายบาน บนแผ่นไม้เหล่านั้นต่างก็แกะสลักลวดลายโบราณ บนโต๊ะมีกระปุกลายสีฟ้าในรัชสมัยคังชี ราชวงศ์ชิงตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังมีเฟอร์นิเจอร์ที่เลียน แบบสมัยโบราณ เครื่องประดับบ้านเหล่านี้สร้างจากไม้ฮาวาหลีซึ่งเป็นไม้มีค่า และยังมีป้านกระปุก ที่มีประวัติศาสตร์หลายพันปีมาแล้ว หลายใบ มีแผ่นไหมศิลปหัตถกรรมเย็บปักถักร้อยของราชสำนักของพื้นบ้านและของเก่ามีค่านานาชนิดจนลานตาไปหมด
ที่มา: หวั่นซิ่วอิ่ง. 2540. จงถงชางนักสะสมป้านจื่อชา. จีนนิตยสารภาพ. 10,114(เมษายน 2540): 24-25.
ป้านชาและกาโบราณของน้อย เชื้อวิวัฒน์

คุณน้อย เชื้อวิวัฒน์ แห่งสถาบัน เสริมสวยเกตุวดี-แกนดินี่
นักสะสม ป้านชาและกาโบราณ คนไทยที่สะสมมานานถึง 20 ปี
ตัวอย่างป้านชา คนไทย
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
Ladakh ชนกลุ่มน้อยในธิเบต
การให้การต้อนรับขับสู้ ด้วยความมีมิตรไมตรีจิตของผู้คนชาว “Ladakh” โดยนำอาหารและน้ำชา มาต้อนรับแขกผู้มาเยือน

เมือง”ลาดัคช์” ดินแดนที่สงบอย่างล้ำลึก มีบรรยากาศ ที่มีเสียงเพลงก้องไปตามสายน้ำ สายลม และมีก้อนเมฆที่แปรเปลี่ยนไปตามกระแสลม เมืองนี้สงบและสวนงามราวกับภาพวาด ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขา ปกคลุมด้วยหิมะ และช่องทางแคบๆ ซึ่งได้ยินเสียงเครื่องดนตรีบรรเลง ของกลุ่มพระสงฆ์ชาวพุทธ เป็นทำนองลูกทุ่ง และชาวบ้านก็เต้นรำตามจังหวะ
โดยมีอาณาเขต ที่ทิศตะวันออกติด กับประเทศธิเบต และทิศเหนือติดกับ ซินเกียง( Sinkiang) มีแม่น้ำ อินดัช(Indus ) ไหลผ่านทะลุลาดัคช์ ทิศเหนือลัอมรอบด้วยเทือกเขา คาราโครัม(Karakoram) และทิศใต้ล้อมรอบด้วยเทือกเขา หิมาลายา(Himalayas)
ในอดีต แม่น้ำ อินดัช(Indus) มีตำแหน่งที่ตั้งอยู่เหนือหมู่บ้าน จึงเป็นเส้นทางสำคัญ ของนักแสวงบุญ และพวกพ่อค้า
ปัจจุบัน เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดใจที่ดีที่สุด ตามลักษณะภูมิประเทศของ Ladakh คือ Gompas แห่งพุทธศาสนา (วัด) ที่ตั้งอยู่จุดสูงสุดของภูเขา มีหน้าผาสูงลอยยื่นออกไปเป็นสง่า และสถานที่ใกล้เคียงก็ถูกจัดเตรียมสำหรับชาวพุทธ ผู้เลื่อมใสศรัทธาอย่างเคร่งครัด ไว้สักการบูชา และทำสมาธิ และเป็นศูนย์กลางการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ของพระสงฆ์ในธิเบต
ที่มา : ภาพและเรื่องแปลเรียบเรียง Ladakh Where serenity prevails. 1999. INDIA PERSPECTIVES.12,6 (JUNE 1999): 9-14.
ถ้วยชาโบราณ
![]() |
ถ้วยชา “อิโคะ” ของเกาหลี ได้รับความชื่นชมจากปรัมจารย์ชาในญี่ปุ่นว่าเป็นถ้วยชาที่งดงามที่สุด |
![]() |
ถ้วยจีนสีน้ำเงิน ยุคราชวงศ์ซุ่ง เป็นที่นิยมในราชสำนักญี่ปุ่นยุคแรก |
![]() |
ชามผลไม้ ลายดอกไม้เคลือบสีน้ำเงิน-ขาว ราชวงศ์หมิง ราคาราว 7.8 ล้านบาท |
![]() |
ชามจีน “เฉิงหัว” ราชวงศ์หมิงรูปปราชญ์กำลังพึงใจกับรจนาตัวอักษร ราคา 12 ล้านบาท |
![]() |
ชามราชวงศ์ชิง ลายผีเสื้อกับลูกไม้ จากมณฑลกว่างซี ราคา 5 ล้านบาท |
![]() |
จานลายลูกท้อ”หยงเจิ้ง” ราชวงศ์ชิง ราคาประมูลประมาณ 22 ล้านบาท |
![]() |
ถ้วย “ชิโนะ” เป็นแบบฉบับของญี่ปุ่นแดง หลังจากช่างปั้นพัฒนารูปลักษณ์ของถ้วยชาให้หลุดพ้นจากอิทธิพลของจีน |
การดื่มชา และพิธีชงชา

ชา เป็นที่รู้จักกัน ว่าถือกำเนิดที่ มณฑล ยูนนาน(Yunnan) ทางด้าน ตะวันตกเฉียงใต้ ของจีน, การดื่มชาถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติของผู้ดี ใบชาละลายในน้ำร้อน อุณหภูมิ 50-60 C° ต้มชาสักครู่ จะได้รสชาติและกลิ่นหอมละมุน
การดื่มชา นิยมสูงสุด ระหว่าง ของ คอร์โย(Koryo) (918-1392) ชาถือได้ว่า “เป็นสมบัติมีค่าในพระราชวังและวัด” (King Song jong(r.981-1910)) ในช่วงเวลานี้ สำนักงานที่เกี่ยวข้องกับชาทุกที่ รวมถึงพระราชวังและวัด ได้มีพัฒนา “หมู่บ้านชา(tea villages)” ที่จะเพาะปลูก และโรงงานผลิตชา ชาได้กลายมาเป็นของเส้นไหว้ ของถวาย ระหว่างช่วง Choson(1392-1910) เจ้าสาวจะใช้น้ำชาไหว้ บรรพบุรุษของสามี เพี่อเป็นการแนะนำตัวเอง
พิธีชงชา จะรวมถึงกฎ มารยาทของสมบัติผู้ดีและปรัชญา ของประเทศทางตะวันออก สิ่งเหล่านี้รวมเข้าไปเป็นโปรแกรมการศึกษา สมบัติผู้ดีแบบดั้งเดิม ของสถาปันที่เปิดสอน “ชาเป็นบางสิ่งที่ควรบ่งบอกถึงความสงบ” ในทางศาสนา ชา “ช่วยให้กระจ่าง แจ่มแจ้ง และ ทำให้เกิดความอดทน”
พระสงฆ์กับใบชา

บรรณานุกรม
Chang Chiung-fang. 2003. Mt.Ali High Mountain Tea sinorama. 28,3 (March 2003): 90-97.
K.L. Sharma. 1999. Ladakh where Serenity Prevails. India Perspectives. 12,6 (JUNE 1999): 9-14.
KIM MIN-A. 1997. Yurimjang: A Confucian Funeral Ceremony. SEOUL. MAY 1997: 12-19.
Lee Han-yong. 2002. Travel From Suncheon to Boseong Where The Original Beauty of Korea is
Preserved. Pictorial KOREA. MARCH 2002: 22-26.
My Korea Encounter with Food As They Say, Food Brings People Closer Together. 2002. Pictorial KOREA. October 2002: 32-34.
Tsai Wen-ting. 2001. A Farewell to Childhood: Qiniangma. sinorama. 26,12 (December 2001):
98-103.
หวั่งซิ่วอิ่ง. 2540. ศิลปวัฒนธรรม จงถงชาง นักสะสมป้านจื่อชา. จีนนิตยสารภาพ. 10,114 (เมษายน 2540):
24-25.
รวบรวมข้อมูลโดย: หน่วยพัฒนาเว็บไซต์ งานเทคโนโลยีสารสนเทศ (ปี 2553)