สกุลเงินยูโร
ปี 2545 ชาวโลกได้มีโอกาสต้อนรับเงินสกุลใหม่มาสู่กระแสเศรษฐกิจโลก ชื่อว่า “ยูโร (Euro)” โดยใช้สัญญลักษณ์ E เป็นตัวแทนชื่อเงินสกุลใหม่ของโลก
ประเทศที่เริ่มนำเงินยูโรเข้าสู่กระแสการเงิน แทนเงินสกุลต่างๆ ของแต่ละประเทศที่ใช้อยู่เดิม ตั้งแต่ 1 มกราคม 2545 มีทั้งสิ้น 12 ประเทศ ได้แก่ ไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส โปรตุเกส สเปน อิตาลี กรีซ ออสเตรีย เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก เยอรมันนี เนเธอร์แลนด์ และ ฟินแลนด์ ยังคงเหลือเพียง 3 ประเทศที่ยังไม่ได้เข้าร่วมในตอนนี้ คือ ประเทศเดนมาร์ก สวีเดน และสหราชอาณาจักร
การดำเนินงานเพื่อริเริ่มมีสกุลเงินเดียวกัน เกิดจากความคิดริเริ่มของ อีเอ็มยู หรือ สหภาพเศรษฐกิจและเงินตราของยุโรป โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ก่อกำเนิด “สหภาพยุโรป” ขึ้น โดยสนธิสัญญาแห่งนครมาสตริชท์ (Maastricht Treaty) โดยหวังว่าเงินยูโร จะสามารถทำให้เกิดเสถียรภาพทางการเงินในสหภาพยุโรปขึ้นได้
ธนาคารที่รับผิดชอบผลิตเงินยูโร ให้สหภาพยุโรปใช้ในการทำธุรกรรมกับทั่วโลก คือ ธนาคารกลางแห่งยุโรป – อีซีบี (European Central Bank – ECB) ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2541 และเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2542 ธนาคารตั้งอยู่ที่นครแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมันนี ธนาคารจะควบคุมนโยบายด้านการเงินของสหภาพยุโรป รวมทั้งการกำหนดอัตราดอกเบี้ย และกำหนดปริมาณการหมุนเวียนในเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปทั้งหมด
เงินยูโร แบ่งออกเป็น ร้อยหน่วย เรียกว่า “เซ็นต์”
ธนบัตรยูโร มี 7 ราคา คือ ธนบัตร 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโร
เหรียญกษาปณ์ มี 8 ราคา คือ 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ 1 ยูโร และ 2 ยูโร
เมื่อเงินยูโรได้นำออกมาใช้ ผู้ใช้จะต้องจดจำลักษณะ ขนาด สี มูลค่า ของธนบัตรและเหรียญยูโร ในส่วนของธนบัตร ได้ออกแบบสำหรับคนทั่วไป และ คนพิการทางสายตา โดยการพิมพ์ที่เน้นตัวนูน หนา และสัมผัสได้
![]() |
![]() |
|
![]() |
![]() |
|
![]() |
![]() |
|
![]() |
![]() |
|
![]() |
![]() |
|
![]() |
![]() |
|
![]() |
![]() |
|
![]() |
|
|
![]() |
|
|
![]() |
|
|
![]() |
|
|
![]() |
|
|
![]() |
|
|
![]() |
|
|
![]() |
|
|
ภาพประกอบเงินยูโรทั้งหมด นำมาจาก http://www.irlgov.ie/ecbi-euro/ |
การนำเงินยูโรมาใช้กับธุรกิจในประเทศไทย มีหลักเกณฑ์การใช้ เหมือนกับการแลกเปลี่ยนเงินสกุลอื่นๆ ผู้ประกอบการที่มีเงินสกุลเดิมของทั้ง 12 ประเทศ ที่ใช้เงินยูโร ควรนำเงินท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ ไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินยูโรที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันได้มีการแลกเปลี่ยนกันเป็นจำนวนมากแล้ว และผู้ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ แถบสหภาพยุโรปใน 12 ประเทศ ควรถือเป็นเช็คเดินทางสกุลยูโร แล้วไปแลกเป็นธนบัตรที่ประเทศที่จะเดินทางไป การใช้เงินยูโรในช่วงแรกนั้นอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ผู้เดินทางจึงควรศึกษาอัตราแลกเปลี่ยนของเงินแต่ละขนาดให้ชัดเจน
อัตราและเปลี่ยนของเงินสกุลเดิม กับเงินยูโร มีดังนี้
1 EUR = | 1 EUR = | |||
Belgium | 40.3399 BEF | Italy | 1936.27 ITL | |
Germany | 1.95583 DEM | Luxembourg | 40.3399 LUF | |
Greece | 340.750 GRD | Netherlands | 2.20371 NLG | |
Spain | 166.386 ESP | Austria | 13.7603 ATS | |
France | 6.55957 FRF | Portugal | 200.482 PTE | |
Ireland | 0.787564 IEP | Finland | 5.94573 FIM |
ตารางจาก http://www.visiteurope.com/euro.htm
ผู้ที่สนใจ ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
อ้างอิง
ปถพีรดี, ผู้รวบรวม “โลกในปีใหม่ต้อนรับเงินใหม่ ยูโร
(Euro หรือ E)” สกุลไทยรายสัปดาห์ 48, 2468
(5 ก.พ. 45) 114-115
สมเดช โรจน์คุรีเสถียร “เงินยูโร ทิศทางใหม่การแลกเปลี่ยนเงินปี 2002”
การเงินการธนาคาร 21, 245 (ก.พ.45) 27-37
รวบรวมข้อมูลโดย : ฝ่ายวารสารและเอกสาร