กีฬาพื้นเมืองภาคกลาง
ภาคกลางพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเหมาะแก่การทำเกษตรและการประมงน้ำจืดเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณทำให้มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์เช่นภาพวาดในวัดที่สื่อความหมายอย่างชัดเจนและมีการละเล่นต่างๆ ที่เล่นกันในยามว่าง หรือหลังจากฤดูการทำงานเสร็จสิ้น เช่น

ชื่อ ชักเย่อ
ภาค ภาคกลาง
อุปกรณ์
ท่อนไม้ไผ่หรือเชือกขนาดใหญ่เหนียว 1 เส้น ยาวประมาณ 10- 20 เมตร
วิธีการเล่น
แบ่งผู้เล่นเป็น ๒ ฝ่ายๆ ละกี่คนก็ได้ตามแต่จะตกลงกัน เมื่อแบ่งพวกได้แล้วก็ขีดเส้นแบ่งแดน หัวแถว (ถ้าเป็นชายเรียกพ่อหลัก ถ้าเป็นหญิงเรียกแม่หลัก) ของทั้งสองฝ่ายเหยียดแขนจับเชือก/ไม้ยึดแนวขนานกับพื้นทั้งสองมือ ไม้จะนอนขนานกับเส้นแบ่งแดน ลูกน้องของแต่ละฝ่ายเกาะเอวหัวแถวเรียงต่อๆ กัน เริ่มเล่นต่างฝ่ายพยายามดึงให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดล้ำเข้ามาในแดน
การตัดสิน
ขณะทีมีการชักเย่อ ผู้ตัดสินจะยืนอยู่ใกล้กึ่งกลางเชือก เมื่อเห็นว่าข้างใดดึงเชือกไปทางแดนของตนมากที่สุดก็ตัดสินให้ชนะ
โอกาสที่เล่น
ในฤดูแล้งเล่นได้ตลอดเวลา การเล่นจะเล่นในที่แจ้งสนามหญ้า ทุกเทศกาลที่ต้องการให้เกิดความสนุกสนาน รื่นเริง เนื่องจากไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์มาก
คุณค่า/แนวคิด/สาระ
เกิดความสามัคคีพร้อมเพรียงกัน เป็นการออกกำลังกายและรื่นเริงสนุกสนาน

ชื่อ เพลงเรืออยุธยา
ภาค ภาคกลาง
อุปกรณ์
๑. เรือหมู เรือพายม้า หรือเรือสำปั้น ๒ ลำ
๒. กรับพวง
๓. ฉิ่ง
วิธีการเล่น
ในการเล่นเพลงเรือจะต้องเริ่มด้วยการไหว้ครูได้ครบ ๓ กลอนหรือตอน คือ
ตอนที่ ๑ บทไหว้พระพุทธ บทไหว้พระธรรม บทไหว้พระสงฆ์
ตอนที่ ๒ ไหว้บิดา มารดา
ตอนที่ ๓ ไหว้ครู อาจารย์
เพลงเรือมีเพลงหลักอยู่ ๖ ตอน คือ
๑. เพลงปลอบ
๒. เพลงประ
๓. เพลงผูกรัก ลักหาพาหนี
๔. ชิงชู้ (หึงหวงฝ่ายชาย)
๕. ตีหมากผัวหรือตีหมากขัว (หึงหวงฝ่ายหญิง)
๖. เพลงจาก
ลักษณะการร้องเพลงเรือจะเป็นการร้องโต้ตอบกันระหว่างชายและหญิง ซึ่งพายเรือกันฝ่ายละลำ แต่ละฝ่ายจะมีต้นเสียง คือ คนร้องนำ และมีลูกคู่รับของแต่ละฝ่าย เครื่องดนตรีใช้ประกอบ คือ กรับและฉิ่ง การแต่งกายฝ่ายชายนุ่งกางเกงแพร หรือโจงกระเบน ใส่เสื้อไม่จำกัดสีไม่จำกัดแบบมีผ้าขาวม้าคาดพุง ฝ่ายหญิงนิยมนุ่งโจงกระเบนสีทึบๆ เสื้อเป็นคอกลมแขน ๓ ส่วน นิยมใส่สีเดียวกันทั้งลำเรือ สวนใส่เครื่องประดับเต็มที่
โอกาสที่เล่น
เพลงเรืออยุธยาเป็นเพลงพื้นบ้านเล่นอยู่ตามลุ่มน้ำทั่วไป เล่นเฉพาะในเทศกาลไหว้พระที่วัดหรือเรียกสั้นๆ ว่า “ไหว้วัด” คือ ตั้งแต่เดือน ๑๑ ไปจนถึงแรม ๘ ค่ำ และงานเทศกาลทอดกฐินและผ้าป่า นิยมเล่นตอนกลางคืน
คุณค่า/แนวคิด/สาระ
ผู้เล่นได้รับความสนุกสนานและได้รู้จักทักทายกัน เป็นการเกี้ยวกันระหว่างชายและหญิง ผู้ชมจะได้รับความเพลิดเพลิน

ชื่อ หลุมเมือง
ภาค ภาคกลาง
อุปกรณ์
ถาดหรือหลุมเมือง
วิธีการเล่น
ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายนั่งอยู่คนละข้างหลุม (จำนวนหลุมมีไม่จำกัด) ตกลงกันว่าจะกองทุนคนละเท่าใด เอาเบี้ยหรือสิ่งอื่นใช้แทนเบี้ยมารวมกัน แล้วหยอดใส่หลุมไว้หลุมละเท่าๆ กันแต่ หลุมหน้าผู้เล่นทั้งสองต้องมากกว่าหลุมอื่น ซึ่งเรียกว่า หลุมเมือง เมื่อเริ่มเล่นฝ่ายใดเริ่มก่อนจะหยอดเบี้ยใส่หลุมไปเรื่อยๆ ตามลำดับจนหมดเบี้ย เมื่อหมดเบี้ยในมือก็หยิบเอาเบี้ยในหลุมถัดไปหยอดต่อทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบหลุมว่าง ผู้เล่นคนแรกจึงมีสิทธิกินเบี้ยทั้งหมดในหลุมถัดไป (ถัดจากหลุมว่าง) ผู้เล่นคนที่สองก็จะดำเนินการเล่นเหมือนคนแรก เมื่อพบหลุมว่างและกินเบี้ยหลุมถัดไปจึงผลัดกันเล่นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหมดทุนเลิกไป ผู้อื่นก็จะมาเล่นแทน
โอกาสที่เล่น
นิยมเล่นในเทศกาลสำคัญ เช่น เทศกาลสงกรานต์ ในปัจจุบันไม่ค่อยมีผู้ใดรู้จัก แต่ก็ยังมีการเล่นอยู่บ้างในเขตตำบลเมืองเก่า อำเภอกบินทร์บุรี
คุณค่า/แนวคิด/สาระ
ลักษณะการเล่น เล่นเชิงพนันขันต่อ และเพลิดเพลินกับบรรยากาศในเทศกาลนั้นๆ มิได้คำนึงถึงเวลาหรือกังวลภาระกิจอื่นใด ผู้เล่นกีฬาหลุมเมืองส่วนมากจะเป็นผู้มีฐานะดี แรกเริ่มเจ้าเมืองต่างเมืองจะมาเล่นพนันขันต่อกัน หลังจากนั้นไม่จำกัด ใครมีฐานะดีก็เล่นทั่วไป
