ตามที่เราเข้าใจกัน 1 วันคือเวลาที่โลกหมุนรอบตัวเอง 1 รอบ (ตามความเข้าใจ 24 ชั่วโมง) และการเกิดน้ำขึ้น น้ำลงในมหาสมุทรต่างๆ ก็ก่อให้เกิดแรงเสียดทาน กับขั้วโลกที่รองรับ เป็นผลให้โลกหมุนช้าลงวันละ 1/23 ล้านวินาที และจากการศึกษาปะการังโบราณ ก็พบความแตกต่างของเวลสว่า เมื่อ 400 ล้านปีก่อน 1 วันมีเพียง 22 ชั่วโมงเท่านั้น และแม้กระทั่งปัจจุบัน โลกก็ใช้เวลาหมุนรอบตัวเองจริงๆ เพียง 23 ชั่วโมง 56 นาที 4 วินาที ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 15 ล้านปี ใน 1 วันจึงจะมี 24 ชั่วโมงอย่างแท้จริง แต่ก็พออนุโลมได้ว่า 1 วัน มี 24 ชั่วโมง ก็คงจะไม่แปลกอะไร ที่มา: หนังสือ 108 ซองคำถาม เล่ม 3 บรรณาธิการโดย ประวิทย์ สุวณิชย์ รวบรวมข้อมูลโดย: ฝ่ายวารสารและเอกสาร
Tag: ประวัติ
คนส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่ไม่รู้จักคำว่า O.K. เรามักจะได้ยินคนพูดกันติดปาก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ไม่ว่าวัยใดก็ตาม แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า.. คำคำนี้มีที่มาอย่างไร ? คำว่า O.K. มาจากคำเต็มว่า Oll Korrect ซึ่งที่ถูกต้องคือ All Correct ( แปลว่า ถูกต้อง ) มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจจาก พ่อค้าชาวอเมริกันคนหนึ่ง มีฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่การศึกษาน้อย ทุกครั้งที่เขาสั่งงานลงในใบสั่ง ถ้างานชิ้นใดถูกต้อง ตกลง และอนุมัติ เขาจะ เขียนคำว่า Oll Korrect ลงในใบสั่งใบนั้นเสมอๆ ต่อมากิจการของพ่อค้าคนนี้ มีความเจริญก้าวหน้ามาก งานที่ติดต่อมาก็มีมากขึ้น ใบสั่งงานก็มีมากมายล้นโต๊ะ การที่เขาจะต้องเขียนคำ Oll Korrect ลงในใบสั่งทุกใบทำให้ต้องใช้เวลามาก เขาจึงย่อเหลือเพียงสั้นๆ คำ O.K. ซึ่งมีผล และความหมายเหมือนกัน คำว่า “อนุมัติ” นั่นเอง และก็เลยมีการใช้กัน อย่างแพร่หลาย ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน มากันจนปัจจุบันทั่วโลกทีเดีย ที่มา: หนังสือ 108 ซองคำถาม เล่ม 1 บรรณาธิการโดย ประวิทย์ สุวณิชย์ รวบรวมข้อมูลโดย: ฝ่ายวารสารและเอกสาร
คลอง หมายถึง ทางน้ำ หรือลำน้ำที่เกิดขึ้นเองหรือขุดเชื่อมกับแม่น้ำหรือทะเล , ทาง, แนว (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542, 226) ส่วนในทางระบบนิเวศวิทยาหมายถึง แหล่งน้ำหรือทางน้ำที่เชื่อมต่อกันระหว่างแหล่งน้ำสองแห่งให้ไหลติดต่อถึงกันได้ อาจเป็นแม่น้ำกับแม่น้ำ หรือบึงและหนองน้ำต่าง ๆ กับแหล่งน้ำอื่น ซึ่งรวมถึงทะเลด้วย อย่างไรก็ตาม คลองจัดเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินสำหรับให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน การตั้งชื่อคลองในสมัยก่อนจะตั้งให้คล้องจองกันเช่น คลองผดุงกรุงเกษม คลองเปรมประชากร คลองนครเนื่องเขต คลองประเวศบุรีรมย์ คลองอุดมชลธาร ในที่นี้จะกล่าวถึงคลองสำคัญ ได้แก่ คลองหลอด ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เชื่อมระหว่างคลองคูเดิมและคลองรอบกรุงเพื่อประโยชน์ทางยุทธศาสตร์และคมนาคม ปัจจุบันเรียกเป็น 2 คลองว่าคลองหลอดวัดราชนัดดา และคลองหลอดวัดราชบพิธหรือคลองสะพานถ่าน คลองมหานาค ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้าที่สำคัญ โดยเฉพาะบริเวณสี่แยกมหานาค เป็นบริเวณเรือสินค้าต่าง ๆ มาชุมนุมค้าขายกันมาก คลองโอ่งอ่าง เป็นคลองคูเมืองที่มีส่วนสำคัญในการป้องกัน ที่ชื่อโอ่งอ่างเป็นเพราะปากคลอง มีเรือพวกมอญสามโคก เมืองปทุมธานีบรรทุกโอ่งมาจอดขายประจำ คลองแสนแสบ ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นคลองที่ขุดต่อจากคลองมหานาคไปทางใต้ผ่านคลองบางกะปิ หัวหมากบางขนาก ไปออกแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา คลองแสนแสบมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมาก เพราะเป็นคลองเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำบางปะกง คลองผดุงกรุงเกษม ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ปัจจุบันเป็นแหล่งชุมนุมค้าขาย เช่นบริเวณเทเวศร์และมหานาค คลองเปรมประชากร เป็นคลองแรกที่ขุดในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นคลองเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าด้วยกัน คลองประปา ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยขุดขึ้นเพื่อเป็นคลองส่งน้ำตามโครงการชลประทาน เพื่อให้มีน้ำประปาใช้ในกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันใช้ในกิจการของการประปานครหลวง คลองบางกอกน้อยและคลองบางกอกใหญ่ กลายมาจากคลองแม่น้ำอ้อมซึ่งหมายถึงเส้นทางสายเดิมของแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากเป็นตอนที่อ้อมมาก ในสมัยกรุงศรีอยุธยาจึงขุดคลองลัดร่นระยะทางตั้งแต่ปากคลองบางกอกน้อยถึงปากคลองบางกอกใหญ่ หรือแม่น้ำเจ้าพระยาตอนที่ผ่านสถานีรถไฟธนบุรีจนถึงป้อมวิไชยประสิทธิ์ในปัจจุบัน คลองบางกอกใหญ่หรือคลองบางหลวง ปากคลองแยกจากแม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งขวาของป้อมวิไชยประสิทธิ์ไปบรรจบคลองบางขุนศรีบริเวณปากคลองภาษีเจริญ มีคลองสำคัญไหลเชื่อมต่อ คือ คลองบ้านสมเด็จ คลองบางไส้ไก่ คลองสำเหร่คลองบางน้ำชน คลองบางสะแกและคลองด่าน คลองภาษีเจริญ ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 อยู่ในเขตภาษีเจริญเริ่มปากคลองที่บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่และคลองบางขุนศรีมาบรรจบกันบริเวณวัดปากน้ำไปออกแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลดอนไก่ดี …
ภาคใต้ ซึ่งอยู่ในดินแดนแหลมมลายู เป็นถิ่นที่มีมนุษย์อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังปรากฏหลักฐานเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ของสมัยนั้น และภาพเขียนสีตามถ้ำหลายแห่ง มนุษย์ในสมัยโบราณที่ยังคงสืบเผ่าพันธุ์มาจนทุกวันนี้ ได้แก่ พวกเซมัง และซาไก ยุคต่อมามีหลักฐานทางโบราณคดีว่า มนุษย์ในดินแดนแถบนี้มีความเจริญรุ่งเรืองอยู่กันเป็นชุมชน มีอารยธรรมเป็นของตนเองมาก่อน
หลายคนสงสัยว่าทำไมมีสิงโตตั้งคู่อยู่หน้าสำนักหอสมุดกลาง ยังไม่มีผู้ใดให้คำตอบที่แท้จริงได้ แต่คงพอจะตอบให้หายข้องใจได้บ้างว่า สิงโต เป็นเจ้าป่า กล้าหาญไม่มีสัตว์ใดเทียบได้ และยังมีอำนาจแผ่ไปทั่วทุกทิศ สิงโตมีความสัมพันธ์กับฮวงจุ้ยในฐานะเป็นสิ่งสิริมงคล คนจีนสมัยโบราณนิยมตั้งสิงโตหินไว้ตรงสองข้างประตู เพื่อข่มหรือขับไล่สิ่งชั่วร้าย โดยเชื่อว่าสิงโตสามารถขจัดสิ่งชั่วร้ายได้ ทำให้ภูติผีปีศาจนอกประตูไม่กล้ากล้ำกรายเข้ามาในบ้าน