ก่อนที่ยอดอ่อนคู่แรกของใบชาจะเริ่มผลิบาน ในช่วงนั้นเองเราจะได้เก็บเกี่ยวชาขาวมาลิ้มรส ซึ่งมีโอกาสให้เก็บได้เพียงไม่กี่วันของฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น จุดเด่นของชาขาวที่ไม่เหมือนชาชนิดอื่นๆ ด้วยลักษณะที่เล็กและบอบบางของตูมชาขาว ซึ่งจะมีเส้นขนอ่อนๆ สีขาวประกายเงินปกคลุมอยู่ ยิ่งปกคลุมมากเท่าไหร่ยิ่งหมายถึงชาคุณภาพดีมากเท่านั้น ตลอดจนความละเอียดอ่อนในขั้นตอนของการผลิต ทำให้ต้องใช้ชาในปริมาณที่มากกว่าชาประเภทอื่นต่อการชงเพื่อให้ได้น้ำชา 1 แก้วถึงจะได้น้ำชาขาวสีเหลืองทองอำพัน ซึ่งมีรสชาตินุ่มนวลกลมกล่อมและชุ่มคอแบบธรรมชาติ โดยที่ไม่มีรสขมฝาดแบบชาเขียวหรือชาดำ ขั้นตอนการผลิต หลังจากเก็บตูมชาขาวมาปุ๊บ ก็จะทำการตากให้แห้งทันทีด้วยแสงแดดธรรมชาติ ด้วยกรรมวิธีที่ไม่ผ่านกระบวนการหมักบ่มเช่นนี้นี่แหละ จึงทำให้ชาขาวยังคงสารต่อต้านอนุมูลอิสระไว้ได้มากกว่าชาเขียวถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีคุณค่าวิตามินซี และวิตามินอีอีกด้วย ดื่มชาขาว วางใจได้เรื่องกาเฟอีน มีการวิจัยพบว่าชาขาวมีปริมาณกาเฟอีนอยู่น้อยกว่าชาชนิดอื่นๆ โดยมีกาเฟอีนอยู่เพียง 15 มิลลิกรัมเท่านั้น ขณะที่ชาเขียวและชาดำจะมีกาเฟอีนอยู่ประมาณ 20 และ 40 มิลลิกรัม ตามลำดับ ที่มา : นิตยสาร Lisa vol.6 no.10 วันที่ 10.3.2005 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
Tag: อาหาร
เป็นที่ทราบกันดีว่า 60% ของร่างกายมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบ ยิ่งในเด็กแรกเกิด จะมีน้ำภายในร่างกายถึง 75% เลยทีเดียว แล้วน้ำส่วนใหญ่ไหลแทรกซึมไปตามส่วนใดของร่างกาย – น้ำส่วนหนึ่งจะอยู่บริเวณสมอง เพื่อช่วยควบคุมกลไกอุณหภูมิภายในร่างกาย ดังนั้น หากสมองขาดน้ำจะทำให้เป็นตะคริว และรู้สึกเหนื่อยอ่อนได้ – ผิวหนังก็เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่มีน้ำอยู่เป็นปริมาณมากเช่นกัน โดยเฉพาะผิวหนังชั้นในสุดจะมีน้ำอยู่ถึง 70% ดังนั้น การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้น อ่อนวัย และไม่แห้งเหี่ยว ยิ่งในช่วงฤดูร้อนยิ่งต้องดื่มน้ำมากๆ เพราะฤดูนี้แสงแดดรุนแรง ร่างกายจึงสูญเสียน้ำมาก ถ้าดื่มน้ำไม่เพียงพอผิวก็จะแห้งมาก – ส่วนกล้ามเนื้อมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 70-75% ดังนั้นเราต้องดื่มน้ำมากๆ กล้ามเนื้อจึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด – ไตก็เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่ทำหน้าที่สำคัญในการฟอกเลือด และขจัดของเสียออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะ และปัจจัยที่จะช่วยให้ไตทำงานได้ดียิ่งขึ้นก็คือ การดื่มน้ำมากๆ และบ่อยๆ นั่นเอง – น้ำที่อยู่ในลำไส้ทำให้ลำไส้ขยายใหญ่ขึ้น (แต่ไม่ต้องวิตกกังวลไป เพราะน้ำไม่ทำให้ คนเราอ้วนได้เพราะไม่มีแคลอรี) ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ เห็นมั๊ยคะว่าน้ำมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราแค่ไหน ดังนั้น ใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำ พยายามเปลี่ยนนิสัย และหันมาดื่มน้ำเป็นประจำจะดีกว่า ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.6 no.4 วันที่ 27.1.2005 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
การทานมื้ออาหารที่มีสารประกอบของอาหารครบทุกอย่างหรือที่เรียกว่า “ซูเปอร์มีล” หรือ “โพลีมีล” จะช่วยให้สุขภาพหัวใจดี จากการศึกษาของกลุ่มแพทย์นานาประเทศพบว่า “ซูเปอร์มีล” ซึ่งประกอบด้วยเม็ดอัลมอนด์ กระเทียม ผัก ผลไม้ ไวน์ ปลา และช็อกโกแลตไม่ปรุงแต่งช่วยให้ผู้ชายที่อายุ 50 ปีขึ้นไปมีสุขภาพหัวใจแข็งแรงปราศจากโรค และช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นมากกว่า 6 ปี ถ้าเป็นผู้หญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไปก็จะมีอายุยืนยาวมากขึ้นเกือบ 5 ปีเลยทีเดียว
ผลการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลสหรัฐอเมริกา พบว่า หัวหอมใหญ่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งตับ และลำไส้ได้ เนื่องจากในหัวหอมมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์สูงมาก จึงช่วยป้องกันและยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ดีทีมวิจัยยังไม่แน่ใจว่า ควรบริโภคหัวหอมใหญ่มากเท่าไหร่จึงจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งตับและลำไส้ได้มากที่สุด แต่จากการวิจัยพบว่าผู้ที่ห่วงใยเรื่องสุขภาพมักจะรับประทานหัวหอมใหญ่มากกว่าคนปกติทั่วไป ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.5 no.38 วันที่ 2.12.2004 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ผลจากการวิจัยของนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ประเทศออสเตรเลียพบว่า น้ำมะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับระบบทางเดินโลหิต และหัวใจ รวมถึงภาวะเลือดจับตัวเป็นลิ่มได้ ด้วยการทดลองให้กลุ่มผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานดื่มน้ำมะเขือเทศ 250 มล. ต่อวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ต่อกัน