คนที่เกิดมาตาเหล่น้อยๆ หรือที่เรียกว่า “ตาส่อน” นั้นก็ดูหวานดี ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงยิ่งดูน่ารักใหญ่แต่ถ้าส่อนมากๆ จนถึงขั้นเหล่ก็จะ กลายเป็นปมด้อยของเจ้าตัวไป ทำให้ไม่อยากจะสบตาใครเอาเสียเลย บางคนเห็นเพื่อนตาเหล่ ก็ประดิษฐ์สำนวนมาค่อนตนตาเหล่ว่า ตาไม่สามัคคีกัน คือตาซ้ายมองไปทางโน้น ตาขวากลับมองมาทางนี้ เวลาเข้าห้องสอบ ถ้าคนคุมสอบเป็นคนตาเหล่ พวกนักเรียนที่คิดจะแอบดูคำตอบกันมักจะวุ่นวายใจ เพราะไม่รู้ว่าคนคุมมองไปทางไหนแน่ พวกหมอบอกว่าอาการตาเหล่นั้น เกิดจากกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการกลอกตา มัดใดมัดหนึ่งอ่อนกำลังลง กล้ามเนื้อที่ยังแข็งแรงดีอยู่ ก็เลยดึงลูกตาให้เอียงไป ที่มา: หนังสือเรื่อง ความรู้ทั่วไป เล่ม 2 โดย สุเมธ สง่าลี และน้องสร้าง จาก http://www.thaihp.com รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
บำรุงรักษาผิวหน้าให้อ่อนวัยด้วยส่วนประกอบที่หาได้ง่ายๆจากตลาด หรือท้ายครัวที่บ้าน – ทาวุ้นจากว่านหางจระเข้ทุกวันหลังจากตื่นนอนตอนเช้า และก่อนนอน สำหรับผู้ที่มีใบหน้าแห้งมาก ให้ผสมน้ำมันมะกอก หรือครีมทาหน้ากับว่านหางจระเข้ – นำใบบัวบกสดๆ มาปั่น จากนั้นใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกที่ได้มาพอกไว้บนหน้า ประมาณ 15 นาที ทำทุกวันก่อนนอน ช่วยชะลอความแก่ รักษาแผลเป็น ใบบัวบกช่วยในการสร้างเนื้ออ่อนขึ้นมาได้ และลดการอักเสบ – ใช้มะขามเปียกหนึ่งกำมือ เอารกออก ล้างหน้าให้สะอาด ผสมกับนมสด 2 ช้อนโต๊ะ ขยำให้เข้ากัน นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วเติมน้ำผึ้งหนึ่งช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาทาหน้า ทิ้งไว้ 5 นาที ล้างน้ำออก ควรทำวันละครั้งก่อนนอน ที่มา: หนังสือ ชีวจิต ปีที่ 4 ฉบับที่ 80 1 กุมภาพันธ์ 2545 คอลัมน์ รู้เรา-รู้โรค หน้า 12 โดย ส้มจี๊ด http://www.cheewajit.com รวบรวมข้อมูลโดย: ฝ่ายห้องสมุดวิทยาเขตบางนา
ศจ.นายแพทย์อวย เกตุสิงห์ เล่าไว้ในหนังสืออวยนิมิต ซึ่งคณะศิษย์จัดรวบรวมพิมพ์ในวาระอายุครบหกสิบปีของท่านไว้ว่า หลวงวาจวิทยาวัฑฒน์ (วาด แย้มประยูร) ซึ่งเป็นผู้เริ่มการจัดตั้งคณะทันตแพทย์ศาสตร์ขึ้น และเป็นคณบดีคนแรก เป็นผู้ริเริ่มขึ้นเป็นครั้งแรก โดยนำวิธีเชียร์แบบอเมริกันมาตั้งแต่ พ.ศ. 2475 โดยได้ฝึกซ้อมการเชียร์การแข่งขันกีฬาระหว่างคณะของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และแต่งเพลงเชียร์เพลงแรกให้คณะแพทย์ศาสตร์คือ ” เฮล – เฮล – เดอะ – แกงก์ส – ออลล์ – เฮียร์ – ว็อต – เดอะ – เฮ็ลล์ – ดู – วี – แคร์ – ว็อต – เดอะ – เฮ็ลล์ – ดู – วี – แคร์ – ร่ะ “ พร้อมกับสอนให้นิสิตร้องและออกท่าทางประกอบไปด้วย วันแข่งขันจริงท่านได้ทำหน้าที่เป็น “เชียร์ลีดเดอร์” คนแรกของเมืองไทยเอง การแข่งขันวันนั้นฝ่ายลูกศิษย์ของท่านคือคณะแพทย์ศาสตร์ชนะไปอย่างงดงาม และเพลงเชียร์ของท่านก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของคณะแพทย์ศาสตร์ (คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาลแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันเป็นคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล) มาจนทุกวันนี้ ระบบเชียร์กีฬาได้ค่อยๆ แพร่เข้าสู่คณะอื่นๆ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วก็ต่อไปยังสถานศึกษาทั่วประเทศ ต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้นจากการร้องเพลงเชียร์อย่างเดียวในตอนแรก ได้มีการแต่งตัวด้วยสีสันซึ่งแสดงหมู่คณะและสถาบัน การเดินขบวนพาเหรดในชุดต่างๆ รวมทั้งการเชียร์ด้วยการแปรอักษรบนอัฒจันทร์ด้วยแสงสีอันสวยงามและอื่นๆ ที่มา: หนังสือสารคดี ทวีปัญญา โดย ประยงค์ อนันทวงศ์ และ http://www.md.chula.ac.th รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
อาการผื่นคันที่ผิวหน้าและลำตัว อาจเนื่องมาจากแพ้อาหาร หรือแพ้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ใช้มะนาวฝานตบเบาๆ ไปตามบริเวณที่เป็นผื่น บีบมะนาวผสมน้ำ ใช้ผ้าขนหนูชุบแล้วประคบตามบริเวณที่เป็นลมพิษ หรือฝนหัวผักกาดขาว ห่อผ้าบางๆ ประคบตามที่เป็นลมพิษ หรือใช้น้ำผึ้งเจือจางทาบางๆ ที่มา: หนังสือเพื่อนแม่บ้าน โดย พิไล พิลักษณ์เลขา รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ใช้วุ้นของว่านหางจระเข้รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลไหม้เกรียมจากแสงแดด และการฉายรังสี โดยเลือกวุ้นจากใบที่อยู่ส่วนล่างของต้น ปอกเปลือกสีเขียวออก ล้างยางสีเหลืองออกให้สะอาดด้วยน้ำสุก หรือน้ำด่างทับทิม เพราะอาจจะระคายเคืองผิวหนัง และทำให้มีอาการแพ้ได้ (ในบางคน) ขูดเอาวุ้นใส หรือฝานเป็นแผ่นบาง มาพอกแผล แล้วใช้ผ้าพันแผลที่สะอาดพันทับ ให้ชุ่มอยู่ตลอดเวลาในชั่วโมงแรก ต่อจากนั้นทาวันละ 3-4 ครั้ง จนกว่าแผลจะหาย วุ้นว่านหางจระเข้ยังสามารถ ใช้รักษาฝีพุพอง ได้ด้วย เพราะช่วยลดการอักเสบ ข้อควรระวัง 1) ก่อนใช้ว่าน ควรทดสอบการแพ้ก่อน โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ 2) ควรล้างยางสีเหลืองออกให้หมด เพราะจะเกิดอาการระคายเคืองต่อผิวได้ 3) วุ้นสดของว่านหางจระเข้ไม่ควรเก็บไว้เกิน 24 ชั่วโมง ใช้ง่ายแถม ปลูกก็ยังง่ายอีกด้วย ไม่ต้องการการเอาใจใส่มากนักก็เติบโตได้ ที่มา: http://greendoor.hypermart.net/herb/aloe.html รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด