|
|
||
| พระราชกรณียกิจ ด้านการยุติธรรม กฎหมายและศาล | ||
|
พระราชประวัติ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความจำเป็นที่จะต้องแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย และการศาลของประเทศ ให้ทันสมัยเป็นแบบยุโรป เพื่อแก้ไขสนธิสัญญาต่างๆ ที่ไทยเสียเปรียบต่างประเทศอยู่ เนื่องจากนานาประเทศที่เข้ามาทำสนธิสัญญาทางไมตรีและการค้ากับไทยในรัชกาลต่างๆ ไม่ยอมรับกฎหมายไทยซึ่งล้าหลัง และมีบทลงโทษรุนแรงตามแบบจารีตประเพณี ทำให้ไทยต้องเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตแก่ชาติต่างๆ จนกว่าจะปรับปรุงระบบกฎหมายและการศาลไทยให้ได้มาตรฐานสากล จึงจะได้เอกราชทางการศาลกลับคืน
งานปฎิรูปกฎหมายชิ้นแรก คือ การสถาปนากระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านศาลยุติธรรมอย่างแท้จริง เพราะที่เป็นอยู่ศาลไทยแยกกันอยู่หลายกระทรวง การปฏิบัติงานไม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจัดระบบศาลยุติธรรมให้เป็นระเบียบแบบแผนเดียวกัน โปรดให้จัดตั้งศาลหัวเมือง โดยเริ่มที่มณฑลกรุงเก่าเป็นแห่งแรกในปีพุทธศักราช ๒๔๓๙ และต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๕๑ ก็โปรดให้ตราพระราชธรรมนูญศาลยุติธรรมขึ้น ในการปรับปรุงการยุติธรรมของประเทศ พระองค์โปรดให้ว่าจ้างเนติบัณฑิตผู้เชี่ยวชาญกฎหมายการต่างประเทศเข้ามารับราชการเป็นที่ปรึกษา ได้แก่ นายกุสตาฟ โรแลง แยกแมงส์ (Gustave Rolin Jaequemyns) ชาวเบลเยียม ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยาอภัยราชา สยามนุกูลกิจ เป็นต้น
ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนสอนกฎหมายขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๔๐ โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ทรงสำเร็จกฎหมายจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดประเทศอังกฤษ ทรงเป็นกำลังสำคัญในการจัดตั้งโรงเรียนกฎหมาย เพื่อผลิตนักกฎหมายไทยเข้าบริหารงานกระทรวงยุติธรรมตามมาตรฐานตะวันตก และทรงเป็นประธานทำหน้าที่ตรวจสอบชำระกฎหมายเก่าใหม่ที่มีอยู่ในครั้งนั้น เมื่อสร้างประมวลกฎหมายขึ้นมาใช้แล้ว บทลงโทษจารีตดั้งเดิมจึงถูกยกเลิกโดยสิ้นเชิงในรัชกาลของพระองค์เอง กฎหมายสำคัญที่ตราขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น เป็นผลให้การปฏิบัติการศาล และกฎหมายของไทยประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศต่อมา เช่น
อ้างอิง
รวบรวมข้อมูลโดย : งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด |