พระประจำวันอังคาร: ปางไสยาสน์

ถ่ายเมื่อ 6 ก.พ. 68
“พระประจำวันอังคาร” หรือ “ปางไสยาสน์” เป็นหนึ่งในพระพุทธรูปปางสำคัญในคติความเชื่อเรื่องพระประจำวันของสังคมไทย พระพุทธรูปปางนี้มีพุทธลักษณะที่โดดเด่นคือการบรรทมนอน ซึ่งแตกต่างจากปางอื่น ๆ ที่มักอยู่ในอิริยาบถยืน เดิน หรือนั่ง “ปางไสยาสน์” นี้ สะท้อนถึงการผสานความหมายระหว่างอิริยาบถในพุทธประวัติเข้ากับระบบความเชื่อทางโหราศาสตร์ บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์ประเด็นร่วม เพื่อนำเสนอภาพรวมเชิงวิชาการของแนวคิดเกี่ยวกับพระประจำวันอังคาร
การทบทวนวรรณกรรม
จากการประมวลเอกสารที่เกี่ยวข้อง (กรมศิลปากร, กระทรวงวัฒนธรรม, 2558; รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง, 2553; วัดป่ามหาชัย, ม.ป.ป.; Brian E. Smith, ม.ป.ป.) สามารถวิเคราะห์ประเด็นสอดคล้องกันเกี่ยวกับ “พระประจำวันอังคาร” ได้ดังต่อไปนี้
การระบุพุทธลักษณะ “ปางไสยาสน์”
ประเด็นร่วมที่ชัดเจนที่สุด คือ มีการระบุตรงกันว่า พระประจำวันอังคาร คือ พระพุทธรูปในอิริยาบถ “ปางไสยาสน์” จากแนวคิดของ รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง (2553, น. 44) ได้จำแนกการเรียกชื่อปาง ของพระพุทธรูปว่ามีหลายเกณฑ์ โดยระบุว่า ปางไสยาสน์ (นอน) เป็นตัวอย่างของการเรียกชื่อปางตามอิริยาบถ ซึ่งแตกต่างจากการเรียกตามเหตุการณ์ในพุทธประวัติโดยตรง แนวคิดนี้ สอดคล้องกับข้อมูลของผู้เขียนท่านอื่นอย่างเป็นเอกฉันท์ (กรมศิลปากร, กระทรวงวัฒนธรรม, 2558; วัดป่ามหาชัย, ม.ป.ป.; Brian E. Smith, ม.ป.ป.) ที่ต่างยืนยันการจับคู่ระหว่างวันอังคาร กับ ปางไสยาสน์ ในฐานะองค์ความรู้ทางวัฒนธรรมที่ได้รับการยอมรับและปฏิบัติสืบต่อกันมา
ความสัมพันธ์ระหว่าง ปางไสยาสน์ และ ปางปรินิพพาน
แม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่จะระบุชื่อปางว่า “ไสยาสน์” แต่ในเชิงวิชาการ มีการวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์ของอิริยาบถนี้กับเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติ จากแนวคิดของ รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง (2553, น. 45) ได้ให้ข้อสังเกตเชิงวิชาการที่สำคัญว่า ปางไสยาสน์บางองค์อาจเรียกว่าปางปรินิพพานได้ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า แม้ ไสยาสน์จะหมายถึงเพียงอิริยาบถการนอน แต่ก็มักถูกเชื่อมโยงหรือใช้แทนเหตุการณ์สำคัญ คือ การเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธองค์ สอดคล้องกับแนวคิดของ กรมศิลปากร, กระทรวงวัฒนธรรม (2558, น. 82) ที่แม้จะใช้ชื่อปางว่า ปางไสยาสน์ แต่ก็ได้อธิบายพุทธประวัติตอนปรินิพพานประกอบ ซึ่งยืนยันว่าในคติความเชื่อของไทย อิริยาบถ “ไสยาสน์” นี้ ถูกผูกโยงเข้ากับเหตุการณ์ปรินิพพานอย่างแยกไม่ออก
การสังเคราะห์เข้ากับคติโหราศาสตร์
ประเด็นร่วมประการสุดท้าย คือ การกำหนดให้ปางไสยาสน์ เป็นพระประจำวันอังคารนั้น เป็นการสังเคราะห์ทางวัฒนธรรม จากแนวคิดของ รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง (2553, น. 50-51) การกำหนดพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ให้สัมพันธ์กับเทวดาพระเคราะห์ประจำวัน มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับตำราโหราศาสตร์ “มหาทักษาพยากรณ์” เพื่อประโยชน์ในการสะเดาะเคราะห์ โดยในระบบนี้ “ปางไสยาสน์” ถูกกำหนดให้เป็นพระพุทธรูปสำหรับ “พระอังคาร”
การวิเคราะห์เอกสารเกี่ยวกับพระประจำวันอังคาร หรือ ปางไสยาสน์ แสดงให้เห็นประเด็นร่วมที่สอดคล้องกันในหมู่ผู้เขียน (กรมศิลปากร, กระทรวงวัฒนธรรม, 2558; รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง, 2553; วัดป่ามหาชัย, ม.ป.ป.; Brian E. Smith, ม.ป.ป.) ในแง่ของการยอมรับว่าพระพุทธรูปปางนี้คือ “ปางไสยาสน์” มีอิริยาบถนอน และถูกกำหนดให้เป็นพระประจำวันอังคาร อย่างไรก็ตาม การศึกษาเชิงวิชาการ (รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง, 2553) ชี้ให้เห็นความแตกต่างทางความหมายระหว่าง “ไสยาสน์” (การนอน) และ “ปรินิพพาน” (เหตุการณ์) แม้ว่าในทางปฏิบัติ ทั้งสองแนวคิดนี้มักถูกนำมาใช้อธิบายพระพุทธรูปปางนี้ร่วมกัน (กรมศิลปากร, กระทรวงวัฒนธรรม, 2558) ประเด็นสำคัญคือ การจับคู่ระหว่าง “ปางไสยาสน์” กับ “วันอังคาร” เป็นผลมาจากการสังเคราะห์ทางวัฒนธรรม เพื่อผนวกพุทธศาสนาเข้ากับคติโหราศาสตร์ “มหาทักษาพยากรณ์” (รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง, 2553) ซึ่งสะท้อนพลวัตของความเชื่อในสังคมไทย
นักศึกษาสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่
อ้างอิงข้อมูลจาก:
กรมศิลปากร, กระทรวงวัฒนธรรม. (2558). พระพุทธรูปปางต่าง ๆ (พิมพ์ครั้งที่ 4). รุ่งศิลป์การพิมพ์.
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. (2553). รู้เรื่องพระพุทธรูป. มิวเซียมเพรส.
วัดป่ามหาชัย. (ม.ป.ป.). พระประจำวันเกิด ทั้งเจ็ดวัน. https://www.watpamahachai.net/Document6.htm
Brian E. Smith. (ม.ป.ป.). รู้จัก พระประจำวันเกิด 7 วัน มีที่มาอย่างไรบ้าง?. https://109menu.com/articles/รู้จัก-พระประจำวันเกิด-7/


			
