ถ้าเตารีดไฟฟ้าร้อนจัดจนเวลารีดทำให้ติดเสื้อผ้า และเป็นรอยไหม้ เวลารีดผ้าทำให้ฝืดรีดไม่คล่อง ให้ใช้ยาสีฟันถูตรงรอยไหม้ให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดยาสีฟันออกให้หมด ถูให้แรงๆรอยไหม้ที่ติดอยู่จะหายไป เตารีดจะใหม่สะอาด เวลาที่รีดผ้าแล้วเผอิญเกิดรอยไหม้ ให้ใช้น้ำตาลทรายโรยตรงบริเวณที่ไหม้ แล้ววางเศษผ้าที่ไม่หนามากนัก ทับตรงรอยไหม้ แล้วใช้เตารีดรีดทับลงบนรอยไหม้ น้ำตาลทรายจะดูดรอยเหลืองที่ผ้าออกหมด แล้วจึงนำไปปะหรือชุนต่อไป อีกวิธีหนึ่งคือ ให้ลองใช้ผ้าสะอาดนุ่มๆ ชุบน้ำเย็นมาเช็ดจะช่วยให้รอยไหม้หายไปได้ ที่มา: หนังสือความรู้ คู่บ้าน โดย พรรณิภา ต่วนโสภณ รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ไม้ขีดไฟที่เราใช้กัน อาจแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1. ไม้ขีดไฟชนิดพิเศษ ติดไฟได้ง่ายเมื่อขีดบนผิวหยาบใดๆก็ได้ ทำได้โดย นำก้านไม้ขีดทั้งอันจุ่มสารละลายอัมโมเนียมฟอสเฟต เพื่อป้องกันการลุกลามเมื่อเกิดการลุกไหม้ อันเป็นผลเนื่องมาจาก การหยิบถือโดยขาดความระมัดระวัง ขั้นต่อไปนำปลายข้างหนึ่งจุ่มพาระฟินเหลว เพื่อทำเป็นหัวไม้ขีด แล้วจึงนำไปจุ่มลงในสารผสมของกาว ตะกั่วออกไซด์ และสารประกอบฟอสฟอรัสตามลำดับ การขัดสีทำให้สารประกอบของฟอสฟอรัส และตะกั่วเกิดการลุกไหม้ ทำให้พาระฟินติดไฟ และลุกลามไปถึงก้านไม้ขีดด้วย 2. ไม้ขีดไฟชนิดธรรมดา ติดไฟได้เมื่อเอามาขีดที่ข้างกลักไม้ขีด หัวไม้ขีดประกอบด้วยสารเคมี(แอนติโมนีซัลไฟด์ และโปตัสเซียมคลอเรต)ซึ่งให้ก๊าซออกซิเจนเพื่อช่วยให้ติดไฟง่ายขึ้น ข้างกลักไม้ขีดประกอบด้วยฟอสฟอรัสแดง (ชนิดที่ไม่เป็นพิษต่อมนุษย์) เมื่อเราขีดหัวไม้ขีดที่ข้างกลักจะทำให้ฟอสฟอรัสแดงระเหิดออกมา รวมกับออกซิเจนที่เกิดจากหัวไม้ขีด จึงทำให้หัวไม้ขีดติดไฟได้ที่มา: หนังสือวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน โดย วิลเลียม ซี. เวอร์การา แปลโดย ก่องกัญจน์ ภัทรากาญจน์ รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
โดยทั่วไปคนไม่สบายที่มีไข้สูง มักจะส่งผลให้ความต้านทานของร่างกาย ลดต่ำลงกว่าปกติ เมื่อไปอาบน้ำจึงทำให้ร่างกายหนาวสั่น เพราะผลจากความเย็นของน้ำ ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าอุณหภูมิของร่างกาย การอาบน้ำจึงเท่ากับเป็นการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ของร่างกายอย่างฉับพลัน อาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย โดยเฉพาะไข้หวัดซึ่งมักพบบ่อย และหากความต้านทานของร่างกายลดต่ำลงมากๆ อาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นนอกเหนือจากไข้หวัดอีกได้ เช่น ปอดบวม เป็นต้น ดังนั้นคนที่มีไข้หรือไม่สบายจึงไม่ควรอาบน้ำด้วยเหตุฉะนี้ ที่มา: หนังสืออะไร อย่างไร และทำไม โดยทีมงานวิชาการ สำนักพิมพ์บุ๊คแบงก์ ภาพประกอบ: manbob86. (30 พฤศจิกายน 2559). bathroom. ค้นเมื่อ 23 กันยายน 2567, จาก https://pixabay.com/photos/bathroom-window-space-tub-1872193 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ในทางวิทยาศาสตร์ได้อธิบายที่มาของแสงดังกล่าวไว้ว่า เกิดจากสารลูซิเฟอรริน (Luciferin) ไปรวมกับออกซิเจนในอากาศ โดยมีสารอีกตัวหนึ่งคือ ลูซิเฟอเรส (Luciferase) เป็นตัวเร่งปฏิกริยาเคมี ซึ่งสารสองตัวนี้ได้มาจากหิ่งห้อยโดยตรง แสงที่เกิดจากหิ่งห้อยเป็นแสงที่ปราศจากความร้อน และปริมาณแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็นับว่าน้อยมาก เพียงหนึ่งในพันของแสงจากแสงเทียนไขธรรมดา แสงของหิ่งห้อยจะขึ้นอยู่กับจังหวะหายใจ (หายใจเข้าแสงจะติด และหายใจออกแสงจะดับ) หิ่งห้อยจะใช้แสงของมันในการล่อเพศตรงข้าม และบางครั้งก็ใช้ล่อเหยื่อที่มา: หนังสืออะไร อย่างไร และทำไม โดยทีมงานวิชาการ สำนักพิมพ์บุ๊คแบงก์ รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ปัจจุบันแอสพาร์แตมคู่แข่งของซัคคารีน (น้ำตาลเทียมอีกชนิด) กำลังได้รับ ความนิยมในการใช้เป็นน้ำตาลเทียม สำหรับผู้ที่ต้องการความหวาน แต่ไม่ต้องการน้ำตาล เช่น บุคคลที่ต้องการลดความอ้วน แอสพาร์แตมประกอบด้วยกรดอะมิโนอันเป็นหน่วยย่อยของโปรตีน 2 ตัว คือเฟนนีลอลานิน (phenylalanine) และกรดแอสพาร์ติค (aspartic acid) ที่สังเคราะห์ขึ้นในห้องแล็บ มีสีขาว ไม่มีกลิ่น มีแต่รสหวาน ไม่มีรสขม หรือรสอื่นเจือปน (แต่ซัคคารีนมีรสขมติดลิ้น) มีความหวานประมาณ 180-200 เท่าของน้ำตาล ทำให้ใช้เพียงเล็กน้อยก็ให้ความหวานเพียงพอ เมื่อกินแอสพาร์แตม ร่างกายย่อย เผาผลาญ และให้พลังงาน 4 คาลอรี่/กรัม เหมือนอาหารโปรตีน จึงไม่พบแอสพาร์แตมในเลือด (ส่วนซัคคารีนจะไม่เผาผลาญ และไม่เปลี่ยนแปลง ต้องขับถ่ายออกทางปัสสาวะ) ข้อจำกัด ปัจจุบัน ยังไม่พบอันตรายจากน้ำตาลเทียมแอสพาร์แตม มีแค่บางคนมึน ปวดศรีษะ หงุดหงิด เหนื่อยอ่อน และนอนไม่หลับ อาการเบาบาง ไม่รุนแรง และไม่บ่อย จึงสัษนิษฐานว่าเป็นอาการแพ้เหมือนคนบางคนแพ้อาหารบางชนิด พอสรุปได้ว่า ไม่มีอันตรายต่อคนปกติ สำหรับคนเป็นโรค phenylketouria (ร่างกายเผาผลาญเฟนนีลอลานินไม่ได้ ) ไม่ควรกินน้ำตาลเทียมชนิดนี้? ? ?ข้อเสีย ?- เก็บไม่ได้นานเกินหนึ่งปี ?- สลายตัวที่อุณหภูมิสูง เมื่อสลายตัวจะหมดรสหวาน จึงใช้ปรุงอาหารที่ต้องผ่านความร้อนสูง เช่น เค้ก คุกกี้ ไม่ได้ แต่ใส่ได้ภายหลังหุง ต้มเสร็จแล้ว และอาหารเย็นลงได้ ที่มา: หนังสือ”เรื่องต้องรู้เพื่อชีวิต เคมีในบ้าน” โดย อรวินท์ โทรกี รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด