ทำไมเราต้องสรงน้ำพระในวันสงกรานต์?
สงกรานต์มีที่มาอย่างไร? ทำไมต้องฉลองในเดือนเมษายน?
คำว่า “สงกรานต์” มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึง “การก้าวขึ้น” หรือ “การผ่าน” หรือ “การเคลื่อนย้าย” ในบริบททางดาราศาสตร์ คำว่าสงกรานต์ใช้เพื่ออธิบายการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีหนึ่งไปสู่อีกราศีหนึ่ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เรียกว่า “สงกรานต์เดือน” (กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, 2564, หน้า 3) เนื่องจากคำว่า “สงกรานต์” หมายถึง การเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์จากราศีหนึ่งไปสู่อีกราศีหนึ่ง จึงทำให้ในบางพื้นที่ของอินเดียมีการเฉลิมฉลองสงกรานต์แทบทุกเดือน เช่น ในแคว้นปัญจาบ มีสงกรานต์ในเดือนไพศาขะ ซึ่งเป็นเดือนที่สองของปี (โดยนับเดือนที่ 5 เป็นเดือนแรกของปี) หรือ มกรสงกรานต์ ในอินเดีย ซึ่งตรงกับเดือนมฤคเศียร (ประมาณวันที่ 12-13 มกราคม) โดยถือเป็นวันเริ่มต้นของช่วงกลางวันของเหล่าเทวดา และเป็นการเริ่มต้นเวลากลางคืนของปีศาจ มกรสงกรานต์นี้บางครั้งเรียกว่า “ติลสงกรานต์” หรือ “วันงา” เนื่องจากมีการถวายงาในพิธีกรรมทางศาสนา นอกจากนี้ ในพื้นที่ทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัย มี มีนสงกรานต์ ซึ่งตรงกับช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน โดยในพิธีกรรมของบางกลุ่มชนจะนำข้าวมาย้อมสีเพื่อใช้ในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับภูตผีและปีศาจ ทั้งนี้ มีนสงกรานต์มีช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับสงกรานต์ในประเทศไทย ตัวอย่างเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า คำว่า “สงกรานต์” มีความหมายทางดาราศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์ไปยังราศีถัดไป ซึ่งเรียกโดยรวมว่า “สงกรานต์เดือน” (ส.พรายน้อย, 2543, หน้า 12-14)
สงกรานต์ไม่ได้เป็นเพียงประเพณีที่ปฏิบัติกันเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่เป็นวัฒนธรรมร่วมของกลุ่มชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นับถือพระพุทธศาสนา ซึ่งล้วนมีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าวเช่นเดียวกัน สาเหตุที่สงกรานต์เป็นที่แพร่หลายในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีรากฐานมาจากคติพราหมณ์ในศาสนาฮินดูของชมพูทวีป และได้รับการเผยแพร่สู่ราชสำนักในดินแดนสุวรรณภูมิตั้งแต่ยุคต้นพุทธกาล ต่อมาประเพณีนี้ได้ขยายตัวไปสู่บ้านเมืองต่าง ๆ ในภูมิภาคที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา และได้รับการเรียกขานว่า “สงกรานต์” ในบริบทของประเทศไทย ประเพณีสงกรานต์สามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวันขึ้นปีใหม่ในเดือน 4 ตามปฏิทินจันทรคติ (ประมาณเดือนมีนาคม) ทั้งนี้ มีหลักฐานเกี่ยวกับประเพณีสงกรานต์ปรากฏอยู่ในเอกสารโบราณหลายฉบับ เช่น กฎมณเฑียรบาล ทวาทศมาส (โครงดั้น) ตลอดจน นิราศธารโศก ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา (สุจิตต์ วงษ์เทศ, 2550, หน้า 60)
อย่างไรก็ตาม หากการเคลื่อนย้ายของดวงอาทิตย์เข้าสู่ราศีเมษ จะเรียกว่า “มหาสงกรานต์” ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ เนื่องจากเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามคติพราหมณ์ โดยมีการกำหนดตามระบบสุริยคติ ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ในช่วงกลางเดือนเมษายนของทุกปี นอกจากวันมหาสงกรานต์ ยังมีวันสำคัญอีกสองวัน ได้แก่ “วันเนา” และ “วันเถลิงศก” (กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, 2564, หน้า 3) ซึ่งแต่ละวันมีความหมายและความสำคัญดังนี้
- วันมหาสงกรานต์: หมายถึง วันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอีกครั้ง หลังจากโคจรผ่านราศีอื่น ๆ จนครบ 12 เดือน ถือเป็นวันเริ่มต้นของเทศกาลสงกรานต์ ตามความเชื่อของชาวไทย วันมหาสงกรานต์เป็นวันที่ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับปีใหม่ จึงมีการทำความสะอาดบ้านเรือน กวาดขยะมูลฝอยและเผาทิ้งเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี รวมถึงเตรียมข้าวของสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ในวันนี้ชาวบ้านมักอาบน้ำชำระร่างกาย เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเข้าสู่ปีใหม่
- วันเนา: คำว่า “เนา” หมายถึง “การอยู่” ซึ่งในที่นี้หมายถึงวันที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษอย่างสมบูรณ์ เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามจันทรคติของไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดทางดาราศาสตร์ ในวันเนานี้เป็นวันเตรียมทำกับข้าว ของกิน สำหรับนำไปทำบุญที่วัดในวันรุ่งขึ้น ในวันนี้จะเตรียมซื้อนกเป็น ๆ ปลาเป็น ๆ ไว้ปล่อย เตรียมหาซื้อผัก ผลไม้ ขมิ้น ส้มป่อย น้ำอบ น้ำหอม ไปรดน้ำผู้ใหญ่ เวลาเย็นพากันไปขนทรายเข้าวัด มีการสาดน้ำกันบ้างเล็กน้อย
- วันเถลิงศก: เป็นวันที่มีการเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ โดยมีหลักเกณฑ์ในการกำหนดว่าดวงอาทิตย์ต้องโคจรพ้นจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษอย่างน้อย 1 องศา เพื่อให้มั่นใจว่าเข้าสู่ปีใหม่ทางสุริยคติอย่างสมบูรณ์ วันนี้ชาวบ้านนำกับข้าวของกินไปทำบุญตักบาตร เป็นการฉลองพระทรายเสร็จจากการทำบุญตักบาตรก็ไปปล่อยนกปล่อยปลา ต่อจากนั้นจัดพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป ด้วยน้ำขมิ้นส้มป่อย น้ำอบน้ำหอม ห่มผ้าใหม่ นำไม้ไปค้ำกิ่งโพธิ์ มีการบังสุกุลให้แก่ผู้ล่วงลับ (ส.พรายน้อย, 2543, หน้า 45-47)

การสรงน้ำพระในวันสงกรานต์: ประวัติความเป็นมาและแนวปฏิบัติ
การสรงน้ำพระในวันสงกรานต์: ประวัติความเป็นมาและแนวปฏิบัติ
การสรงน้ำพระในวันสงกรานต์เป็นประเพณีที่มีรากฐานมาจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยมีหลักฐานปรากฏตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในช่วงเวลาดังกล่าว พระมหากษัตริย์จะเสด็จไปสรงน้ำพระพุทธปฏิมากรสำคัญ ได้แก่ พระศรีสรรเพชญ์ และ เทวรูปพระพิฆเนศวร รวมถึงโปรดให้นิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะเข้าสรงน้ำในพระราชวัง ส่วนประชาชนทั่วไปนิยมเดินทางไปสรงน้ำพระพุทธรูปตามวัดต่าง ๆ (ส.พรายน้อย, 2543, หน้า 56-57) ในอดีต ประชาชนทั่วไปยังไม่นิยมประดิษฐานพระพุทธรูปภายในบ้าน เนื่องจากถือว่าเป็นวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ที่ควรอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม เช่น วัด หรือหอพระที่สร้างแยกจากตัวเรือน อย่างไรก็ตาม ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการสร้างหอพระภายในบริเวณบ้านมากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูป โดยปรากฏหลักฐานในพระราชปุจฉาในรัชกาลดังกล่าวที่มีการสอบถามพระราชาคณะเกี่ยวกับความเหมาะสมของการสร้างหอพระภายในเคหสถาน (บุญเตือน ศรีวรพจน์และธนโชติ เกียรติณภัทร, 2564, หน้า 142)
แนวปฏิบัติในการสรงน้ำพระ
พิธีสรงน้ำพระเป็นกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนถึงความเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา โดยมีแนวปฏิบัติดังนี้
การเตรียมเครื่องสักการะ – ผู้เข้าร่วมพิธีจะเตรียมดอกไม้ ธูป เทียน และน้ำอบไทยเพื่อใช้ในการบูชาพระพุทธรูป
การสรงน้ำพระพุทธรูป – น้ำอบหรือน้ำหอมที่เตรียมไว้นำมาประพรมบนองค์พระพุทธรูป ซึ่งบางพื้นที่อาจมีการผสมน้ำขมิ้นส้มป่อยเพื่อความเป็นสิริมงคล
การตั้งจิตอธิษฐาน – หลังจากทำการสรงน้ำเสร็จสิ้น ผู้เข้าร่วมพิธีจะพนมมืออธิษฐานขอพรเพื่อความสุขและความเจริญรุ่งเรืองในปีใหม่
ขบวนแห่พระพุทธรูป – ในบางพื้นที่ มีการจัดขบวนแห่พระพุทธรูปไปตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมสรงน้ำและขอพร
การสรงน้ำพระในวันสงกรานต์เป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญต่อสังคมไทย เนื่องจากสะท้อนถึงคติความเชื่อเกี่ยวกับวันขึ้นปีใหม่ตามคตินิยมไทยและพุทธศาสนา นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้แสดงความเคารพต่อพระรัตนตรัย รวมถึงเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับวัดผ่านกิจกรรมทางศาสนา พิธีกรรมดังกล่าวจึงถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมไทยที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง
นักศึกษาสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่


อ้างอิงข้อมูลจาก:
กระทรวงวัฒนธรรม, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2564). ประเพณีสงกรานต์. กรุงเทพฯ: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.
บุญเตือน ศรีวรพจน์และธนโชติ เกียรติณภัทร. (2564). ประเพณีสงกรานต์. กรุงเทพฯ: กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม.
สุจิตต์ วงษ์เทศ. (2550). สงกรานต์ ขึ้นฤดูกาลใหม่ (ปีใหม่) ของพราหมณ์สุวรรณภูมิ. นนทบุรี: มติชนปากเกร็ด.
ส.พรายน้อย. (2543). ตรุษสงกรานต์. กรุงเทพฯ: น้ำฝน.
ผู้เรียบเรียง: นายกฤษดา เรืองสถาน นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง