พูดถึง IQ (Intelligence Quotient) หรือระดับความสามารถทางด้านสติปัญญา เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่สมัยนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก แถมยังรู้ดีอีกด้วยว่าหากปรารถนาให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต การพัฒนา IQ แต่เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอเสียแล้ว แต่ยังต้องพัฒนา EQ (Emotion Quotient) หรือระดับความสามารถในการควบคุมทางด้านอารมณ์ประกอบกันอีกด้วย ต่อมายังได้มีการแนะนำอีกหนึ่ง Q ให้คุณพ่อคุณแม่รู้จัก นั่นคือ MQ (Moral Quotient) หรือระดับความฉลาดทางจริยธรรม ความสามารถในการทำสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งแตกต่างจาก EQ ตรงที่เน้นเรื่องของความคิดด้านศีลธรรมและจริยธรรมเป็นหลัก หรือถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือระดับความเห็นแก่ตัวนั่นเอง โดย MQ นั้นไม่สามารถฝึกฝนหรือขัดเกลาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ และต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็กจึงจะได้ผล ระยะหลังมานี้ยังมีการพูดถึงอีกสอง Q ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงยังไม่คุ้นหู หรือรู้จักมากนัก ได้แก่ AQ (Adversity Quotient) ระดับความสามารถในการอุตสาหะ เผชิญปัญหา รวมถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และ SQ (Spiritual Quotient) ระดับความสามรถในการตีความหมายของชีวิต ซึ่งจะก่อให้เกิดอุดมคติและแรงบันดาลใจ รวมถึงการเผชิญปัญหาต่อความทุกข์ ยังไม่รู้ว่าวันหน้าจะมี Q ไหนมาให้ทำความรู้จักกันอีก แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ลองหันกลับมาทบทวนกันสักนิดดีไหมว่า วันนี้คุณพัฒนาลูกครบทั้ง 5Q แล้วหรือยัง ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.5 no.18 วันที่ 15.7.2004 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
เชื่อว่าเจ้าของสุนัขหลายคนคงต้องมีคำถามในใจว่า ทำไมท่าฉี่ของสุนัขตัวผู้และตัวเมียจึงแตกต่างกัน สุนัขตัวผู้ชอบยกขาฉี่มากกว่านั่งยองๆ ฉี่เหมือนเช่นตัวเมีย นั่นก็เพื่อทำให้กลิ่นของฉี่ที่จะบ่งบอกถึงอาณาเขต ยังคงใหม่สดมากกว่ากลิ่นฉี่ที่ถูกปล่อยอยู่ตามพื้น เพราะจะโดนเหยียบไปเหยียบมา ไม่เหมือนตามกำแพง หรือเสาไฟฟ้าที่ไม่มีใครมายุ่งด้วย และการยกขาฉี่ยังทำให้กลิ่นนั้นอยู่สูงขึ้นมาถึงระดับจมูกของสุนัขตัวอื่นๆเพื่อบอกให้รู้ว่า แถวนี้น่ะมีเจ้าถิ่นคุมอยู่แล้วนะ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นการฝากข้อความไว้ให้ตัวเอง เพื่อที่เวลาไปไหนมาไหนจะได้ไม่หลงทาง แถมยังบอกเป็นนัยให้สุนัขตัวอื่นๆ รู้ถึงสภาพทางเพศของเขา และขอบเขตอาณาจักรที่ครอบครองอยู่ นั่นคือ ทำให้สุนัขตัวเมียรับรู้ว่ามีตัวผู้เนื้อหอมอาศัยอยู่แถวๆนี้ หรืออาจทำให้สุนัขร่อนเร่ไม่กล้าเข้ามาแหยมก็มีสิทธิเหมือนกัน ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.6 no.11 วันที่ 17.3.2005 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
คนที่มีความดันโลหิตสูง หากปล่อยอาการแบบนี้ไว้นานวันจะยิ่งเกิดแผลที่ผนังหลอดเลือด และส่วนที่เป็นแผลนี้จะเกิดคอเลสเตอรอลมาเกาะพอกพูนจนทำให้หลอดเลือดตีบ แล้วความดันจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีการควบคุมความดันโลหิตสูงนอกจากจะต้องพยายามงดอาหารที่มีไขมันสูงแล้ว ควรรับประทานอาหารรสจืด และหลีกเลี่ยงอาหารเค็มๆด้วย เพราะความเค็มจะยิ่งเร่งให้หลอดเลือดบีบตัวแรงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับความดันโลหิตโดยตรง ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.6 no.11 วันที่ 17.3.2005 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
เด็กๆ จะเฉลียวฉลาดได้มากน้อยแค่ไหน การพูดคุยปฏิสัมพันธ์ของพ่อแม่ หรือผู้ดูแลเด็กจะมีส่วนสนับสนุนส่งเสริมให้กับพวกเขาได้มาก ที่เป็นเช่นนี้ นักวิชาการจิตวิทยาชาวแคนาดาอธิบายว่า..การพูดคุยกับเด็กบ่อยๆ โดยเฉพาะในเรื่องที่มีสาระที่เด็กควรจะฟัง จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจ ช่วยกระตุ้น ให้สมองของเด็กๆ เกิดพัฒนาการและการเรียนรู้เพิ่มมากขึ้น โดยทำให้พวกเขารู้จักที่จะจดจำ และรับฟังความคิดเห็น รวมไปถึงรู้จักแสดงความคิดเห็นของตัวเองด้วย ยิ่งไปกว่านั้นการพูดคุยกันมากขึ้น ยังสามารถช่วยสร้างสัมพันธภาพที่ดี ให้เกิดขึ้นภายในครอบครัวได้อีกต่างหาก ที่มา: นิตยสาร Lisa vol.6 no.11 วันที่ 17.3.2005 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
การไว้ทุกข์ในสมัยก่อนนั้นมีอยู่หลายอย่างต่างชนิด คือ 1. สีดำ สำหรับผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีอายุแก่กว่าผู้ตาย 2. สีขาว สำหรับผู้เยาว์หรือผู้ที่มีอายุอ่อนกว่าผู้ตาย 3. สีม่วงแก่หรือน้ำเงินแก่ สำหรับผู้ที่มิได้เป็นญาติเกี่ยวดองกับผู้ตายแต่ประการใด ฉะนั้นในงานศพคนหนึ่งๆ หรือในงานเผาศพก็ตาม เราจะได้ความรู้ว่า ใครเป็นอะไรกับใครเป็นอันมาก เพราะผู้ที่แต่งตัวตัวไปในงานนั้นๆ จะต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับตัวเองโดยถูกต้องจึงจะแต่งสีให้ถูกได้ ถ้าผู้ใดแต่งสีและอธิบายไม่ได้ ก็มักจะถูกดูหมิ่นว่าเป็นผู้ไม่มีความรู้ แม้เรื่องเลือดเนื้อของตัวเอง ของทุกอย่างมีดีก็ต้องมีเสีย แต่ก่อนก็ดีที่ได้รู้จักกันว่าใครเป็นใคร แต่ก็ลำบากในการแต่งกายเป็นอันมาก ถ้าจะต้องไปพร้อมกัน 2 ศพในวันเดียวกัน ก็จะต้องกลับบ้านเพื่อไปผลัดสีให้ถูกต้องอีก ฉะนั้นในการที่มาเลิกสีอื่นหมด ใช้สีดำอย่างเดียวเช่นทุกวันนี้ก็สะดวกดี แต่ก็ขาดความรู้จักกัน เด็กสมัยนี้จึงมักจะตอบเรื่องพืชพันธุ์ของตัวเองไม่ได้ แม้เพียงปู่ก็ไม่รู้เสียแล้วว่าเป็นใคร และได้ทำอะไรเหนื่อยยากมาเพียงใดบ้าง แต่ถ้าจะพูดกันถึงเพียงความสะดวกแล้ว การแต่งตัวสีดำเพียงสีเดียวก็ดีแล้ว ที่มา : หนังสือ สารคดี ของ ม.จ.หญิง พูนพิศมัย ดิศกุล รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด