เล้าข้าว


ภาพประกอบ : http://gotoknow.org/file/


        สังคมอีสานเป็นสังคมเกษตรกรรม ทำนาเป็นหลัก ซึ่งจัดว่าเป็นสังคมพึ่งตัวเอง ที่ต้องช่วยตัวเองในเกือบทุกด้านมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำมาหากิน เครื่องมือ เครื่องใช้และเทคโนโลยีต่างๆ เป็นต้น ชาวอีสานส่วนใหญ่จึงต้องการแก้ปัญหาในการดำรงชีวิตในครอบครัว ในสังคมของตนตามมีตามเกิดเท่าที่ธรรมชาติในท้องถิ่นจะอำนวยให้ วิวัฒนาการหรือพัฒนาการทางชีวิตและสังคม จึงค่อนข้างเชื่องช้าอยู่มากพอสมควร


       แม้ว่าพื้นที่ทำนาของภาคอีสานจะมีมากถึง 72.4% ถึงพื้นที่ถือครองทั้งหมดในภาคอีสานก็ตาม แต่ชาวอีสานก็ยังไม่สามารถจะเพิ่มผลผลิตข้าวให้สูงมากขึ้นได้เพราะเหตุปัจจัยที่บีบบังคับหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ จึงทำให้วิถีชาวอีสานต้องหมดไปกับการทำนา เพื่อให้ได้ข้าวมาเลี้ยงชีวิต ไม่น้อยกว่า 4-5 เดือนในแต่ละปี ด้วยเหตุนี้จึงดูเหมือนว่า ข้าวจะเป็นสมบัติอันล้ำค่าแห่งชีวิตไปโดยไม่รู้สึกตัวในสำนึกของคนอีสาน


        การเก็บรักษาข้าวให้อยู่ในสภาพดี ที่พร้อมจะนำมาปรุงเป็นอาหาร และแลกเปลี่ยนหรือขายได้ตลอดปี จึงมีความสำคัญและจำเป็นยิ่ง เพราะนั่นย่อมหมายถึงความอยู่รอดของชีวิตทุกคนในครอบครัว ที่ร่วมเหนื่อยยากมาด้วยกัน


       ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดเลย ที่ชาวอีสานจะต้องสร้างที่เก็บรักษาข้าวเปลือกที่ได้มาด้วยหยาดเหงื่อและทุกข์ยากไว้ประจำบ้านเป็นของตนเองโดยเฉพาะ แต่ทว่าชาวอีสานก็ต้องเผชิญปัญหาเรื่องวัสดุ เทคโนโลยี ฯลฯ อันจำกัดต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ชาวอีสานก็ไม่เคยย่อท้อที่จะใช้สติปัญญาแก้ปัญหา จากประสบการตรงเท่าที่มีและเท่าที่จะทำได้ด้วยความอดทนมาโดยตลอด


สิ่งก่อสร้างเพื่อเก็บรักษาข้าวเปลือกดังกล่าวนี้ ชาวอีสานทั่วไปเรียกกันอย่างหนึ่งว่า "เล้าข้าว"





บรรณานุกรม


สมชาย นิลอาธิ. (2541). วิถีความคิด วิถีชาวนาอิสาน. มหาสารคาม : อาศรมวิจัยคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.

ปราณี วงศ์ยะรา. (2545). ครกกระเดื่องและวัฒนธรรมตำข้าว(พิมพ์ครั้งที่3). กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.

 

ภาพประกอบ : http://gotoknow.org/file/pandin/123.jpg
 

<<< กลับด้านบน >>>