รูปสัณฐานของตัวอักษร
นักวิชาการเอาใจใส่ที่จะศึกษาเรื่องตัวอักษรกันน้อยไป ทุกคนมักจะเข้าใจกันว่า พ่อขุนรามคำแหงท่านนั่งเทียนเนรมิตลายสือไทยขึ้นมา เลยไปหลงใหลได้ปลื้มกับใจความในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ว่า
"...เมื่อก่อนลายสือไทยนี้บ่มี ๑๒๐๕ ศก ปีมะแม พ่อขุนรามคำแหงหาใคร่ใจในใจแลใส่ลายสือไทยนี้ ลายสือไทยนี้จึงมีเพื่อพ่อขุนผู้นั้นใส่ไว้.."
ข้อความตอนนี้ทำให้นักวิชาการทั่วไปเข้าใจว่า พ่อขุนรามคำแหงสร้างบ้านสร้างเมือง และสร้างอักษรไทยขึ้นมาโดยไม่มีพื้นฐานว่าปัญญาชนไทยได้มีหนังสือไทยมาก่อนแล้ว
แต่ความจริงแล้วชนชาติไทยที่ตั้งชุมชนอยู่ในดินแดนประเทศไทยสมัยก่อนตั้งเมืองสุโขทัยนั้น มีอักษรของตนเองใช้แล้ว ตามที่ ศาสตราจารย์ยอร์ช เซเดส์ ตั้งชื่อว่า "อักษรไทยเดิม"๖
โดยอธิบายว่า "เป็นอักษรที่ปรับเปลี่ยนมาจากอักษรมอญโบราณ ซึ่งใช้ร่วมกันในกลุ่มชาวไทยภาคเหนือ อักษรไทยเดิมนั้นชาวไทยภาคเหนือ เช่น ไทยใหญ่ ไทยล้านนา (ไทยโยนก) ไทยอาหม ก็ยังได้ใช้กันสืบต่อมา และได้ปรับเปลี่ยนพัฒนาค่อยเป็นค่อยไป จนรูปสัณฐานของตัวอักษรต่างไปจากอักษรไทยเดิม"
ชาวไทยบริเวณลุ่มแม่น้ำยม
(สุโขทัย ศรีสัชนาลัย) คงใช้อักษรไทยเดิมอยู่ก่อน ภายหลังปัญญาชนไทยเริ่มศึกษาอักษรขอมโบราณที่ชุมชนบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
(เมืองละโว้-อโยธยา) นำมาใช้เขียนภาษาไทย และมีการเขียนปะปนกับอักษรไทยเดิม เป็นสาเหตุให้อักษรไทยเดิมวิปลาสคลาดเคลื่อนไปมาก และแต่ละสำนักปัญญาชนก็เขียนหนังสือไทยไม่ตรงกัน
พ่อขุนรามคำแหงจึงโปรดเกล้าฯ ให้ปัญญาชนไทยได้สังคายนาระบบการเขียนหนังสือไทยขึ้นมาใหม่ ที่ท่านเรียกว่า "ใส่ลายสือไทย"
จะเห็นได้ว่า ลายสือไทย
ได้พัฒนารูปสัณฐานจากอักษรต้นแบบคืออักษรมอญโบราณ และอักษรขอมโบราณ และใช้กันมาเนิ่นนาน จนสัณฐานตัวพยัญชนะไทยต่างไปจากอักษรต้นแบบมากขึ้นๆ ซึ่งในสมัยก่อนสุโขทัยนั้น ชาวไทยยังไม่มีศูนย์กลางอำนาจ จนกว่าจะถึงยุคสมัยสุโขทัย การเขียนหนังสือของปัญญาชนไทยยังอยู่ในลักษณะต่างสำนักต่างเขียน รูปสัณฐานของตัวอักษรไทยเดิมนั้นจึงสับสนไม่ค่อยจะลงรอยกัน
ครั้นถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหง พระองค์ท่านเป็นนักปราชญ์รู้ธรรมและสนใจอักษรศาสตร์ด้วย จึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการชำระการเขียนหนังสือไทยใหม่ ให้เป็นระบบเดียวกัน เรียกชื่อว่า ลายสือไทย
ฉะนั้นรูปสัณฐานของตัวอักษรลายสือไทย จึงมีลักษณะกลมมน ไม่มีศกจึงใกล้เคียงหรือเหมือนสกุลอักษรมอญ และไม่มีเชิง (อักษรมอญ และขอมมีเชิง)
แต่กระนั้นก็ตาม
สัณฐานตัวพยัญชนะทั้ง ๓๙ ตัวของลายสือไทย
ก็ตรงกับพยัญชนะสมัยพระเจ้าลิไททุกตัว ซึ่งมีพยัญชนะ ๘ ตัว ที่มีรูปสัณฐานต่างจากพยัญชนะไทยสมัยรัชกาลที่ ๓ เกือบสิ้นเชิง และพยัญชนะทั้ง ๘
ตัวนี้
พัฒนาอยู่นานกว่าจะมีรูปสัณฐานเหมือนตัวพยัญชนะสมัยตันกรุงรัตนโกสินทร์ (ตารางที่ ๑)
ภาพแสดงตารางที่ ๑
จากตารางที่ ๑ จะเห็นว่ารูปสัณฐานของพยัญชนะข้างต้นแตกต่างกับปัจจุบันมาก ฉะนั้นหากมีการปลอมแปลงศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง ใครจะรู้ว่ารูปสัณฐานของพยัญชนะสมัยพญาลิไทมีรูปสัณฐานอย่างไร ทำไมจึงมีรูปตรงกับสมัยพระยาลิไทเหมือนจับวาง และมีสัณฐานไม่เหมือนอักษรไทยสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จนคิดไม่ได้ว่าปัญญาชนสมัยรัชกาลที่ ๓ จะรู้จักตัวพยัญชนะไทยสมัยสุโขทัยได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้พบศิลาจารึกหลายหลักเหมือนในปัจจุบัน (จารึกพ่อขุนรามคำแหงค้นพบเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๖
โดยพระจอมเกล้าฯ ขณะที่ทรงผนวช)
|