ปี พ.ศ. 2428 ประเทศไทยมีรถเทียมม้า ซึ่งเรียกกันว่า “รถเมล์” และวิ่งตามเส้นทางเรือเมล์ที่มีอยู่ก่อนแล้ว แต่ให้บริการอยู่ประมาณ 2 ปี จึงเลิกกิจการเนื่องจากมีการนำรถรางเข้ามาใช้แล้ว ปี พ.ศ. 2450 พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ นายเลิศ เศรษญบุตร เริ่มกิจการรถเมล์ขึ้นอีกครั้ง ให้บริการระหว่าง สะพานยศเส (สะพานกษัตริย์ศึก) กับตลาดประตูน้ำ ซึ่งเป็นต้นทางเรือเมล์ของนายเลิศในคลองแสนแสบด้วย เส้นทางนี้ยังไม่มีรถราง กิจการรถเมล์จึงไปได้ดี
Tag: รถยนต์
ในวันที่น้ำมันเชื้อเพลิงมีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเช่นนี้ หากเราไม่สามารถหยุดหรือเลิกใช้น้ำมันได้ การประหยัดคงเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ให้เราได้สบายใจสบายเงินในกระเป๋ากันมากขึ้น การขับรถที่คุณใช้อยู่นั้นก็มีวิธีขับที่ช่วยประหยัดน้ำมัน ได้ง่ายๆ ดังนี้
บทเรียนที่ 1 : ตรวจสอบระดับน้ำในแบตเตอรี่ ควรเช็คทุกเดือน เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถ และป้องกันรถดับกลางทางด้วย • เปิดจุกสีแดง หรือเหลือง (แล้วแต่รุ่น) ทุกจุกบนแบตเตอรี่ ให้ดูระดับน้ำว่า ท่วมแผ่นเซลล์สีเทาที่อยู่ด้านในหรือไม่ ถ้าไม่ท่วมให้เติมน้ำกลั่นลงไป ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากปั๊มน้ำมัน หรือร้านขายอะไหล่รถยนต์ บทเรียนที่ 2 : ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง • ดึงสายวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา (ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านข้างของเครื่องยนต์) แล้วให้เอาผ้าเช็ดก้านวัดให้สะอาดก่อน จากนั้นจุ่มกลับลงไปอีกครั้ง ให้ดูน้ำมันที่ติดก้านขึ้นมาว่าอยู่ที่ขีด H หรือ L อย่าให้เกินตำแหน่ง H และ L จะดีที่สุด แนะนำว่าให้เช็คในช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่เช็คระดับได้แม่นยำที่สุด บทเรียนที่ 3 : ตรวจสอบแรงดันของยาง • ควรเช็คดูมาตรฐานแรงดันโดยดูจากสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่แถวๆ ด้านข้างของคนขับ ส่วนใหญ่มาตรฐานจะอยู่ที่ 30 ถ้าเป็นคนที่ขับรถเร็วอาจจะเป็น 36 ก็ได้ • ควรเช็คทุก 2 อาทิตย์เพื่อความปลอดภัย และช่วยประหยัดน้ำมันด้วย วิธีเช็คก็ง่ายแสนง่าย เวลาเลี้ยวเข้าปั๊มก็บอกพนักงานเลยว่าช่วยเช็คลมยางให้ด้วย บทเรียนที่ 4 : เติมน้ำในหม้อน้ำ ควรเช็คทุกๆ เดือนเพื่อป้องกันน้ำแห้งแล้วจะทำหม้อน้ำรถพังได้ • เปิดจุกถังน้ำของหม้อน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นถังสีขาว เติมน้ำลงไปให้ถึงขีดที่เขากำหนดไว้ ควรเช็คในช่วงเช้าก่อนออกจากบ้านจะดีที่สุด ที่มา: นิตยสาร CLEO เมษายน 2006 No.111 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ในปีพ.ศ. 2444 พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ (กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์) ทรงประชวรต้องเสด็จฯ ไปรักษาพระองค์ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ขณะประทับรักษาพระองค์ ณ ที่นั้น ได้ทรงสั่งซื้อรถยนตร์คันหนึ่งเป็นรถเดมเลอร์เบนซ์ ซึ่งถือเป็นรถชั้นเยี่ยมที่สุดขณะนั้น ทรงซื้อรถคันดังกล่าวจากมองซิเออร์ เอมีเล เจลลีเนค ผู้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถเดมเลอร์เบนซ์ในประเทศฝรั่งเศส ต่อมาภายหลังรถยนตร์เดมเลอร์เบนซ์ก็เปลี่ยนชื่อเป็น รถยนตร์เมร์เซเดส – เบนซ์ ที่เลื่องลือไปทั่วโลก เมื่อพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์เสด็จฯ กลับประเทศไทย ในปลายปี พ.ศ. 2444 ได้น้อมเกล้าฯ ถวายรถยนตร์เมร์เซเดส – เบนซ์ แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับได้ว่าเป็นรถยนตร์พระที่นั่งคันแรกในประวัติศาสตร์แห่งประเทศไทย โดยพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงรับหน้าที่เป็นสารถี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานรถยนตร์พระที่นั่งเมร์เซเดส – เบนซ์ มาก เพราะทรงเห็นว่าสะดวกสบาย และเดินทางได้รวดเร็วกว่ารถม้าพระที่นั่ง ได้พระราชทานนามรถยนตรพระที่นั่งคันแรกนี้ว่า แก้วจักรพรรดิ์ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สั่งรถยนตร์เข้ามาอีก 10 คัน เพื่อพระราชทานแก่ พระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดี หลังจากนั้นก็มีการสั่งรถยนตร์เข้ามาในประเทศไทยอีกหลายคัน รถยนตร์พระที่นั่ง “แก้วจักรพรรดิ์” เป็นรถเมร์เซเดส 28-32 แรงม้า ปีค.ศ. 1905 ความเร็ว 46 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่มา : วารสารวิมานเมฆ ปีที่ 4 ฉบับที่ 22 เดือนธันวาคม 2543-มกราคม2544 คอลัมน์ รั้วรอบชอบวัง โดย ชวนชม แรกมีในสยามตอนที่ 1 MOTORCAR