ในปีพ.ศ. 2444 พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ (กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์) ทรงประชวรต้องเสด็จฯ ไปรักษาพระองค์ที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ขณะประทับรักษาพระองค์ ณ ที่นั้น ได้ทรงสั่งซื้อรถยนตร์คันหนึ่งเป็นรถเดมเลอร์เบนซ์ ซึ่งถือเป็นรถชั้นเยี่ยมที่สุดขณะนั้น ทรงซื้อรถคันดังกล่าวจากมองซิเออร์ เอมีเล เจลลีเนค ผู้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถเดมเลอร์เบนซ์ในประเทศฝรั่งเศส ต่อมาภายหลังรถยนตร์เดมเลอร์เบนซ์ก็เปลี่ยนชื่อเป็น รถยนตร์เมร์เซเดส – เบนซ์ ที่เลื่องลือไปทั่วโลก เมื่อพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์เสด็จฯ กลับประเทศไทย ในปลายปี พ.ศ. 2444 ได้น้อมเกล้าฯ ถวายรถยนตร์เมร์เซเดส – เบนซ์ แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งนับได้ว่าเป็นรถยนตร์พระที่นั่งคันแรกในประวัติศาสตร์แห่งประเทศไทย โดยพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ทรงรับหน้าที่เป็นสารถี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานรถยนตร์พระที่นั่งเมร์เซเดส – เบนซ์ มาก เพราะทรงเห็นว่าสะดวกสบาย และเดินทางได้รวดเร็วกว่ารถม้าพระที่นั่ง ได้พระราชทานนามรถยนตรพระที่นั่งคันแรกนี้ว่า แก้วจักรพรรดิ์ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สั่งรถยนตร์เข้ามาอีก 10 คัน เพื่อพระราชทานแก่ พระบรมวงศานุวงศ์และเสนาบดี หลังจากนั้นก็มีการสั่งรถยนตร์เข้ามาในประเทศไทยอีกหลายคัน รถยนตร์พระที่นั่ง “แก้วจักรพรรดิ์” เป็นรถเมร์เซเดส 28-32 แรงม้า ปีค.ศ. 1905 ความเร็ว 46 ไมล์ต่อชั่วโมง ที่มา : วารสารวิมานเมฆ ปีที่ 4 ฉบับที่ 22 เดือนธันวาคม 2543-มกราคม2544 คอลัมน์ รั้วรอบชอบวัง โดย ชวนชม แรกมีในสยามตอนที่ 1 MOTORCAR
Tag: ประวัติ
กระดาษโน้ตแผ่นเล็กพร้อมแถบกาวอย่างอ่อน มีคุณสมบัติแปะที่ไหนติดที่นั่น เมื่อดึงกระดาษออกไม่เหลือร่องรอยของกาวติดอยู่ ณ ที่นั้น เป็นนวัตกรรมโดนใจชาวชนสำนักงานทั่วโลก มีการใช้แพร่หลายตามเอกสาร จอคอมพิวเตอร์ ประตู หน้าต่าง ตู้เย็น เขียนโน้ตบนกระดาษแปะทิ้งไว้เตือนความจำ โพสต์อิทโน้ตเป็นสินค้าของ 3M ซึ่งเป็นผู้คิดค้นและผู้ผลิตออกจำหน่าย นายสเปนเซอร์ ซิลเวอร์ (Spencer Silver) เป็นหนึ่งในทีมนักวิจัยของบริษัท 3M ในปี ค.ศ. 1968 เขาได้รับมอบหมายให้พัฒนากาวให้มีประสิทธิภาพสูง ติดได้แน่น ทนทาน ถาวร แต่ผลของการพัฒนา เขากลับได้กาวออกมาที่ตรงกันข้ามกับเป้าหมาย โดยสิ้นเชิง คือเป็นกาวอย่างอ่อน ติดง่าย ลอกได้ไม่ทิ้งร่องรอย ต่อมาในปี ค.ศ. 1974 นายอาร์เธอร์ ฟราย (Arthur Fry) นักวิจัยอีกคนนำกาวนี้มาใช้ติดกระดาษไว้คั่นคัมภีร์ไบเบิล ในหน้าสวดมนต์ที่เขาต้องการเวลาไปโบสถ์ ก็เพราะคุณสมบัติติดง่าย ลอกได้ไม่ทิ้งร่องรอยนี้เอง 3M จึงนำไปพัฒนาออกมาเป็นกระดาษโน้ตสีเหลือง ที่มีแถบกาวชนิดนี้ออกจำหน่าย โดยให้ชื่อว่า “โพสต์อิทโน้ต” (Post-it Notes) ปรากฎว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่คนทำงานในสำนักงาน กระดาษโน้ตสีเหลืองจึงพัฒนาเป็นหลายสี หลายขนาด หลายรูปเล่มเอาใจผู้ใช้ทั่วโลก ที่มา: หนังสือ MK พาปิ๊ง! ไอเดียซิ่ง…ในสิ่งที่ไม่ธรรมดา รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
นายลีวาย สเตราส์ (Levi Strauss) ชาวเยอรมัน เป็นผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในยุคตื่นทอง เมื่อปี พ.ศ. 1850 ซึ่งทุกคนต่างมุ่งหน้าไปขุดทองที่เหมืองในเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา สเตราส์เดินทางไปที่นั่นเช่นกัน เขาไปเพื่อขายของ ซึ่งของที่นำไปขายได้ขายหมดระหว่างทาง เหลือเพียงผ้าเต็นท์เท่านั้น เมื่อไปถึงเหมือง ชาวเหมืองคนนึงได้บอกให้เขาหากางเกงที่ทนทานมาขายบ้าง เพราะกางเกงคนขุดเหมืองขาดง่าย คำพูดนี้จุดประกายความคิดให้สเตราท์ทันที เขาจึงนำเอาผ้าเต็นท์มาให้ช่าง ตัดเป็นเสื้อและกางเกง แล้วนำออกขาย ปรากฏว่าขายดีอย่างนึกไม่ถึง จนผ้าเต็นท์หมดไปในไม่ช้า สเตราท์จึงสั่งผ้าใบเรือมาตัดเสื้อผ้า ในขณะที่ผ้าเต็นท์ขาดตลาด เขาสั่งผ้าหนาอีกหลายชนิดมาจากนิวยอร์ก และนำมาย้อมสีเป็นสีน้ำเงินคราม อันเป็นสัญลักษณ์ของเสื้อผ้ากรรมกร ปี ค.ศ. 1860 ช่างตัดเสื้อชื่อนายจาคอบ เดวิส( Jacob Davis ) จากรัฐเนวาดา ได้ตอกหมุดตามมุมกระเป๋ากางเกงของคนงานเหมือง เพื่อให้บริเวณนั้น ที่มักขาดเสมอ แข็งแรงขึ้น สเตราท์นำวิธีการตอกหมุดมาใช้กับกางเกงเสื้อผ้า ที่มีเนื้อผ้าหนาของเขา และตั้งชื่อว่า “ลีวาย” (Levi’s) ในวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1873 สเตราท์ได้ จดทะเบียนสิทธิบัตรขึ้น ถือเป็นวันกำเนิดกางเกงยีนส์ลีวายที่นิยมใช้ทั่วโลกขณะนี้ ที่มา: หนังสือ MK พาปิ๊ง! ไอเดียซิ่ง…ในสิ่งที่ไม่ธรรมดา รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
การไว้ทุกข์ในสมัยก่อนนั้นมีอยู่หลายอย่างต่างชนิด คือ 1. สีดำ สำหรับผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีอายุแก่กว่าผู้ตาย 2. สีขาว สำหรับผู้เยาว์หรือผู้ที่มีอายุอ่อนกว่าผู้ตาย 3. สีม่วงแก่หรือน้ำเงินแก่ สำหรับผู้ที่มิได้เป็นญาติเกี่ยวดองกับผู้ตายแต่ประการใด ฉะนั้นในงานศพคนหนึ่งๆ หรือในงานเผาศพก็ตาม เราจะได้ความรู้ว่า ใครเป็นอะไรกับใครเป็นอันมาก เพราะผู้ที่แต่งตัวตัวไปในงานนั้นๆ จะต้องรู้เรื่องราวเกี่ยวข้องกับตัวเองโดยถูกต้องจึงจะแต่งสีให้ถูกได้ ถ้าผู้ใดแต่งสีและอธิบายไม่ได้ ก็มักจะถูกดูหมิ่นว่าเป็นผู้ไม่มีความรู้ แม้เรื่องเลือดเนื้อของตัวเอง ของทุกอย่างมีดีก็ต้องมีเสีย แต่ก่อนก็ดีที่ได้รู้จักกันว่าใครเป็นใคร แต่ก็ลำบากในการแต่งกายเป็นอันมาก ถ้าจะต้องไปพร้อมกัน 2 ศพในวันเดียวกัน ก็จะต้องกลับบ้านเพื่อไปผลัดสีให้ถูกต้องอีก ฉะนั้นในการที่มาเลิกสีอื่นหมด ใช้สีดำอย่างเดียวเช่นทุกวันนี้ก็สะดวกดี แต่ก็ขาดความรู้จักกัน เด็กสมัยนี้จึงมักจะตอบเรื่องพืชพันธุ์ของตัวเองไม่ได้ แม้เพียงปู่ก็ไม่รู้เสียแล้วว่าเป็นใคร และได้ทำอะไรเหนื่อยยากมาเพียงใดบ้าง แต่ถ้าจะพูดกันถึงเพียงความสะดวกแล้ว การแต่งตัวสีดำเพียงสีเดียวก็ดีแล้ว ที่มา : หนังสือ สารคดี ของ ม.จ.หญิง พูนพิศมัย ดิศกุล รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
คำๆ นี้มีใช้มาเกือบ 2,000 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยโรมัน คนสมัยนั้นนับถือเทพเจ้าที่เรียกว่า อะบรักซัส ซึ่งสามารถเป็นโล่ป้องกันวิญญาณชั่วร้ายได้หากสลักนามของเทพเจ้าลงบนหินหรืออัญมณีแล้วสวมติดตัวไว้ และยังเชื่อว่าการท่องคาถาอะบราคาดาบราจะช่วยรักษาโรคได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นไข้ ในสมัยกลางผู้คนท่องคาถานี้กันบ่อยครั้งเพื่อปัดเป่าโรคภัยร้ายกาฬโรคที่ระบาดอย่างหนักในยุโรป ทุกวันนี้นักมายากลนิยมพูดคำๆ นี้เวลาจะเสกให้สิ่งของหายไป หรือปรากฏขึ้นมา หรือใช้ในกลมายาอื่นๆ ฉะนั้นคำนี้จึงได้สูญเสียความหมายดั้งเดิมของมันไปแล้ว อย่างไรก็ดี หากคราวหน้าคุณไม่สบาย ลองท่องคำนี้ดูก็ได้ ..”อะบราคาดาบรา” ที่มา: หนังสือไขปริศนากล้าถามกล้าตอบ 469 คำถามวิทยาศาสตร์คาใจ โดย: ชาร์ล เจ. กาโซ แปลโดย: อุทัย วงศ์ไวศยวรรณ รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด