กรรมวิธีทำไอศกรีม ก่อนมีการคิดค้นเครื่องทำความเย็น
All Posts
นมและครีมแข็งตัวในอุณหภูมิประมาณ -7 องศาเซลเซียส ชาวอาหรับเป็นผู้ค้นพบว่า การเติมโซเดียมไนเตรต (โพแทสเซียมไนเตรต ส่วนประกอบในดินประสิว) ในน้ำเย็น ทำให้เกิดปฏิกิริยาดูดซับความร้อน ซึ่งลดอุณหภูมิจนต่ำลงมากพอจะทำไอศกรีม กรรมวิธีนี้น่าจะเผยแพร่สู่ยุโรปเมื่อครั้งที่ชาวมัวร์ ครอบครองสเปนในปี ค.ศ. 711 ถึง ค.ศ. 1492 “ประวัติศาสตร์ไอศกรีมที่เสิร์ฟในอังกฤษครั้งแรก เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองเซนต์จอร์จเมื่อปี 1671 สมัยพระเจ้าชาลสที่ 2 มีเฉพาะผู้นั่งร่วมโต๊ะ กับกษัตริย์เท่านั้น ที่ได้รับของหวานสุดหรูจานนี้ และพวกเขา จะกินเคียงกับสตรอเบอรี่” ลิซา กรีน ผู้บริหารสูงสุดของสมาพันธ์ไอศกรีม แห่งอังกฤษ กล่าว ที่มา: คอลัมน์ สงสัยจริง นิตยสาร สรรสาระ Reader ‘s Digest ฉบับ ธันวาคม 2549 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ที่มาของ Southpaw หมายถึง นักกีฬาถนัดซ้าย
All Posts
คนที่ชอบกีฬาหมัดมวยคงเคยได้ยินนักพากย์กล่าวว่า.. นักชกคนนี้เป็น ‘Southpaw‘ ซึ่งหมายความว่านักชกคนนี้ ‘ถนัดซ้าย‘ นั่นเอง คำนี้ใช้เฉพาะกับนักกีฬาถนัดซ้ายในกีฬาอื่นๆ ด้วย ที่มาของคำนี้ก็คือ การสร้างสนามเบสบอลของอเมริกันนั้น จะสร้างขวาง จากทิศตะวันออกไปตะวันตกเสมอ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้แสงอาทิตย์ยามบ่ายแยงตาคนตีลูก ดังนั้น คนขว้างลูก (pitcher) ก็ประจันหน้ากับทิศตะวันออก ซึ่งถ้าถนัดซ้าย เขาก็จะขว้างลูกไปทางทิศใต้ คำนี้ทำให้นักกีฬาอื่นๆ ที่ถนัดซ้ายถูกเรียกว่า Southpaw (paw หมายถึง อุ้งเท้าสัตว์หรือการใช้มือของมนุษย์ ) ที่มา: หนังสือ FIRST EDUTAINMENT ESSAY เขียนโดย วราภรณ์ สามโกเศศ ที่มาภาพ: https://www.pexels.com รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
อริยบุคคล
All Posts
อริยบุคคล หมายถึง บุคคลผู้ประเสริฐ ทางพุทธศาสนาถือว่าความเป็นพระอริยบุคคลนั้น กำหนดได้ด้วยการละสังโยชน์ (กิเลสที่ผูกมัดสัตว์) ไว้ในภพ ใครละได้น้อยก็เป็นอริยบุคคลชั้นต่ำ เมื่อละได้มากก็เป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงขึ้น ใครละได้หมดก็เป็นพระอรหันต์ สังโยชน์มี 10 อย่าง เทียบตามส่วนที่พระอริยบุคคล ละได้เป็นลำดับดังนี้ 1. พระโสดาบัน ละสิ่งดังต่อไปนี้ 1) สักกายทิฏฐิ – ความเห็นว่าร่างกายเป็นของตน 2) วิจิกิจฉา – ความสงสัยว่าพระรัตนตรัยดีจริงหรือ 3) ศีลพตปรามาส – การเชื่อพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ เมื่อบรรลุเป็นพระโสดาบัน ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ แล้วจะบรรลุนิพพาน คือพระอรหันต์ 2. พระสกทาคามี ละขั้นพระโสดาบัน แต่จิตคลายจากราคะ โทสะ และโมหะมากขึ้น เมื่อบรรลุเป็นพระสกทาคามี จะเกิดอีกครั้งเดียว 3. พระอนาคามี ละขั้นพระโสดาบัน พระสกทาคามี และรวมอีก 2 คือ 4) กามราคะ – ความติดใจในกามารมณ์ 5) ปฏิฆะ – ความขัดเคืองใจ เมื่อบรรลุเป็นพระอนาคามี จะเลิกครองเรือน ประพฤติพรหมจรรย์ ตายแล้วจะไปเกิดในพรหมโลก 4. พระอรหันต์ ละขั้นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และรวมอีก 5 คือ 6) รูปราคะ – ความติดใจในรูป เช่นชอบของสวยงาม 7) อรูปราคะ – ติดใจในของไม่มีรูป เช่นความสรรเสริญ 8) มานะ – ความยึดถือว่าตัวเป็นนั่นเป็นนี่ เช่นติดในสมณศักดิ์ 9) อุทธัจจะ – ความฟุ้งซ่านแห่งจิต …
ประเภทวงดนตรีไทย
All Posts
ประเภทของวงดนตรีไทย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ วงเครื่องสาย วงปี่พาทย์ วงมโหรี วงเครื่องสาย มีลักษณะเด่นชัด คือใช้เครื่องดนตรีมีสาย อันมีเครื่องดีด และเครื่องสี เป็นประธานของวง พระเอกในวงได้แก่ ซอด้วง แบ่งออกเป็นเคร่องสายวงเล็ก เครื่องสายเครื่องคู่ เครื่องสายผสม เครื่องใหญ่หรือวงใหญ่ วงปี่พาทย์ ประกอบด้วยเครื่องตี เครื่องเป่า เครื่องกำกับจังหวะ แบ่งเป็นปี่พาทย์ไม้แข็ง ปี่พาทย์ไม้นวม แบ่งตามลักษณะไม้ที่ใช้ตี – ปี่พาทย์ไม้แข็ง ไม้ตีก็จะแข็งมาก ตีดังแน่นและไกล – ปี่พาทย์ไม้นวม ไม้ตีจะหุ้มผ้า ให้อ่อนนุ่ม ตีดังเสียงนุ่มๆ ทุ้มๆ ดังไม่ไกลนัก มักเป็นของผู้ชายเล่น มโหรี ดนตรีที่ประกอบด้วยเครื่องดีดสีตีเป่าเข้ารวมกันหมด แต่รู้สึกว่าจะขนาดเล็กกว่าพวกเครื่องสายและปี่พาทย์ แรกๆผู้ชายเล่น ต่อมาในสมัยอยุธยาใช้ผู้หญิงเล่น และเล่นเรื่อยมา พอขึ้นชื่อว่ามโหรี เรามักรู้ได้ทันทีว่าเป็นของผู้หญิงเล่น ที่มา: หนังสือ ความรู้สารพัดชื่อ ด้านภาษา วัฒนธรรมไทย และสังคมศึกษา เรียบเรียงโดย สมบัติ จำปาเงิน รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
จอ LCD (Liquid Crystal Display) ปิ๊ง! จากสารเหลวที่ตกผลึก
All Posts
ในปี ค.ศ. 1888 นายฟรายด์ริช ไรนิตเซอร์ (Friedrich Reinitzer) เป็นนักพฤกษศาสตร์ ชาวออสเตรีย ขณะที่เขาศึกษาสารไขมันจากพืช ชั่วข้ามคืนเท่านั้น เขาพบสารชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายโคเลสเตอรอล อยู่ในสภาวะละลายเป็นของเหลวในภาวะที่มีความร้อน พอเย็นตัวลงก็กลายเป็นสารสีขุ่น และเมื่อเย็นลงอีกก็กลายเป็นสีใส พอเย็นตัวถึงจุดหนึ่ง กลับเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและตกผลึก ซึ่งเป็นผลึกเหลว นำมาใช้สร้างจอแอลซีดี หน้าปัดนาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอล หน้าจอเครื่องคิดเลข หน้าจอเครื่องแฟกซ์ จอคอมพิวเตอร์ จอทีวีที่ติดตั้งในรถยนตร์ หน้าจอโทรศัพท์มือถือ และแม้แต่จอทีวีขนาดใหญ่?ตัวจอเหล่านี้มีคุณสมบัติในการทำงานที่อาศัยการเบี่ยงเบนของแสง สามารถปรับ หรือขยับให้แสงเข้าหน้าปัดจอได้มากน้อยตามต้องการ ผู้ที่นำการค้นพบผลึกเหลวมาพัฒนาขยายผลก็คือ นายจอร์จ ฮีลเมียร์ (George Heilmeier) ในปี ค.ศ. 1963 เริ่มใช้กับหน้าปัดนาฬิกาเป็นครั้งแรก ต่อมาในปี ค.ศ. 1969 นายเจมส์ เฟอร์กาสัน (James Fergason) ได้นำหน้าปัดแอลซีดีมาพัฒนาให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และขยายผลในการใช้สู่จอต่างๆ ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลกในทุกวันนี้ ที่มา: หนังสือ MK พาปิ๊ง! ไอเดียซิ่ง…ในสิ่งที่ไม่ธรรมดา รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด