หุ่นจำลองโขนหน้าจอ

ที่มา. จาก โขน : มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ (หน้า 47), โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม, 2562, กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย
หุ่นจำลองโขนหน้าจอ
การผลิตหุ่นจำลองโขนหน้าจอ เพื่อเป็นสื่อส่งเสริมการศึกษา ถ่ายทอดความรู้ให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายมากยิ่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เกี่ยวกับ โขน และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยรามคำแหง อีกทั้งต้องการแสดงให้เห็นถึงวัสดุและวิธีการ ในการสร้างหุ่นจำลองดังกล่าว เพื่อให้นักศึกษา ได้นำประสบการณ์ในการสร้างหุ่นจำลองไปปรับใช้กับการเรียนต่อไปได้


โขนหน้าจอ
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (2565, หน้า 31) กล่าวว่า โขน เป็นรูปแบบการแสดงที่มีความงามสง่า แสดงถึงความเข้มแข็งอย่างมีระเบียบแบบแผน นักวิชาการด้านนาฏศิลป์เชื่อว่า โขนเป็นมหรสพที่ก่อรูปหล่อหลอมขึ้นจากศิลปวิทยาการที่มีมาก่อนหลายสาขา ได้แก่ ระบำรำเต้น หนังใหญ่ การเล่นดึกดำบรรพ์ รวมถึงคติความเชื่อของสังคมไทยในอดีตกาล ในขณะที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (2555, หน้า 84) กล่าวว่า แรกเริ่มโขนเป็นการละเล่นของชายล้วนที่อยู่ในราชสำนัก มีไว้สำหรับเล่นในการพระราชพิธีและผู้ที่จะสามารถฝึกหัดโขนได้จะต้องเป็นมหาดเล็กหลวงเท่านั้น จึงเรียกว่า “โขนหลวง” ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์และทรงฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมทุกด้าน ทรงได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เจ้านายและขุนนางผู้ใหญ่หัดโขนได้โดยไม่ทรงห้ามปราบ จึงเกิด “โขนบรรดาศักดิ์” ขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ศิลปะการแสดงโขนแพร่หลายมากขึ้น
ส่วนโขนหน้าจอ เป็นการแสดงโขนประเภทหนึ่ง ที่โขนมีการเล่นตรงหน้าจอหนังใหญ่ ธนิต อยู่โพธิ์ (2511, หน้า 124) ได้กล่าวไว้ว่า จอ แต่เดิมขึงไว้สำหรับเล่นหนังใหญ่ ลักษณะจอหนังแต่เดิม จะใช้ผ้าขาวบางโปร่งชนิดหยาบนำมาเพลาะติดกันเข้าเป็นรูป 4 เหลี่ยม เป็นแผ่นกลาง ส่วนตอนนอกออกมาใช้ผ้าขาวดิบเนื้อหนาเย็บติดรอบผ้าขาวผืนบางและที่ตอนริมของผ้าขาวดิบแผ่นหนาใช้ผ้าแดงกับผ้าสีน้ำเงินเพลาะติดกันเป็นวงรอบนอก แล้วเอาเชือกตัดเป็นตอน ๆ ตามด้านยาว 2 ด้าน สมมติเรียกว่า “ หนวดพราหมณ์ ”
ต่อมาภายหลังเมื่อใช้จอนี้เป็นที่แสดงโขนแล้ว ก็นิยมทำเป็น “จอแขวะ” คือ เจาะที่ผ้าดิบทั้งสองข้างจอทำเป็นช่องประตูเข้าออกแล้วทำเป็นรูปซุ้มประตูเช่นประตูเมืองทั้งสองประตู ด้านหนึ่งของจอเขียนเป็นรูปปราสาทราชวัง สมมติเป็นกรุงลงกา อีกด้านหนึ่งของจอเขียนเป็นค่ายพลับพลาของพระราม แล้วตอนเบื้องบนเขียนรูปนางเมขลาล่อแก้วด้านหนึ่ง รามสูรขว้างขวานด้านหนึ่ง เหนือขึ้นไปเขียนรูปดวงพระอาทิตย์ พระจันทร์ อยู่ด้านละดวง ต่อมาได้ทำยกพื้นหน้าจอขึ้นลาดกระดานปูเสื่อ มีรั้วลูกกรงล้อมรอบเป็นเขตกั้นคนดูไม่ให้ขึ้นไปเกะกะคนเล่น ในตอนบ่ายมักนิยมเล่น “หนังจับระบำหน้าจอ”ครั้นภายหลังมีผู้คิดนำคนแต่งตัวเป็นละครไปเล่นจับระบำไปจนค่ำจึงเริ่มเล่นหนัง
ต่อมามีผู้ปล่อยตัวโขนออกเล่นแทนตัวหนังบ้าง แล้วเชิดหนังสลับไปบ้าง เรียกกันว่า “หนังติดตัวโขน” ครั้นภายหลังจึงปล่อยตัวโขนเล่นไปแต่เย็นจนเลิกในกลางคืน ส่วนจอนั้นก็ตั้งไว้พอเป็นพิธีเท่านั้น เหตุเพราะอะไรไม่แน่ชัด เมื่อความนิยมในเรื่องหนังใหญ่หมดไป เวลาเล่นโขนกลางแจ้งในกาลภายหลังนี้ จึงสร้างโรงสำหรับเล่นโขนเป็นแบบจอเล่นหนังใหญ่ไป ในสมัยหลังนี้ โขนได้นำคำพากย์ คำเจรจาหน้าพาทย์ ดนตรี ตลอดจนจอของหนังมาหมด จึงเรียกโขนที่เล่นหน้าจอหนังอย่างนี้ว่า “ โขนหน้าจอ ”
ซึ่งสอดคล้องกับ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (2562, หน้า 80) ที่กล่าวว่า คำว่า “จอ” ในที่นี้ หมายถึง จอที่ใช้เชิดหนังใหญ๋ ซึ่งจะทำขึ้นด้วยผ้าดิบสีขาว มีระบายแดงรอบ ต่อมามีการเจาะสองข้างจอเป็นช่องประตู แล้วทำซุ้มขึ้นทั้งสองด้าน ด้านซ้ายเขียนเป็นภาพกรุงลงกา ด้านขวาเป็นภาพพลับพลา ข้างบนเขียนรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์ มีรามสูรถือขวาน เหาะไล่เมขลาล่อแก้ว จอหนังลักษณะนี้เรียกว่า “จอแขวะ” เกิดขึ้นราวสมัยรัชกาลที่ 4 หรือรัชกาลที่ 5 การเชิดหนังในอดีตนั้น บางครั้งมีการปล่อยตัวโขนออกมาเล่นสลับ แล้วปล่อยตัวหนังออกมา แสดงรวมกันไป การเชิดหนังสลับตัวโขนนี้ สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ที่เรียกว่า “หนังระบำ” โขนหน้าจอเป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่งของนาฏศิลป์โขนที่แสดงถึงการประสมประสานกลมกลืนกับการเล่นหนัง ซึ่งมหรสพทั้ง 2 อย่างมีลักษณะที่เหมือนกัน ได้แก่ มีบทพากย์ บทเจรจา และเพลงหน้าพาทย์ ซึ่งวงปี่พาทย์ที่บรรเลงเพลงหน้าพาทย์ ประกอบการแสดงโขนหน้าจอใช้วงปี่พาทย์วงเดียว ตั้งบนร้านยกพื้นด้านข้าง หน้าโรง หันหน้าเข้าหาตัวแสดง เช่นเดียวกับการบรรเลงประกอบการเล่นหนัง ไม่ต้องผลัดกันบรรเลงเหมือนโขนกลางแปลงและโขนโรงนอก
ขั้นตอนการผลิตหุ่นจำลองโขนหน้าจอ









นักศึกษาสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่

อ้างอิงข้อมูลจาก:
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, กระทรวงวัฒนธรรม. (2562). โขน : มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติรายการแรกของประเทศไทย. กรุงเทพมหานคร : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ธนิต อยู่โพธิ์. (2511). โขน (พิมพ์ครั้งที่ 3). พระนคร: กรมศิลปากร.
สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์. (2555). นิทรรศน์รัตนโกสินทร์ อัญมณี แห่งมหานคร. กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง.


ผู้เรียบเรียง: นายกฤษดา เรืองสถาน นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง