บรรณาธิการของพจนานุกรมภาษาอังกฤษ มีหลักเกณฑ์อะไร ในการตัดสินว่าศัพท์คำไหนควรบรรจุไว้ในพจนานุกรม ? พจนานุกรมที่ผ่านการศึกษาวิจัยมาอย่างถี่ถ้วนเป็นผลิตผลจากการอ่านหนังสือมากมาย คนอ่านจะต้องคอยติดตามนิตยสาร หนังสือ หนังสือพิมพ์ และแม้แต่รายการอาหารในภัตตาคารกับแค็ตตาล็อก วัตถุประสงค์ก็เพื่อหาคำสองประเภทคือ คำใหม่เอี่ยม เช่น blog หมายถึงเว็บไซต์ส่วนตัว หรือคำที่มีอยู่แล้วแต่ถูกนำไปใช้ในความหมายใหม่ เช่น cougar หมายถึง ผู้หญิงที่ควงกับชายหนุ่มอายุน้อยกว่า แคทเทอรีน บาร์เบอร์ บรรณาธิการอำนวยการของ Canadian Oxford Dictionary กล่าวว่า “ข้อความที่มีคำทั้งสองประเภทนี้อยู่ จะถูกรวบรวมไว้ ในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เมื่อเห็นว่าคำนั้นปรากฏอยู่ซ้ำๆ คณะบรรณาธิการก็จะพิจารณาว่าควรบรรจุคำคำนั้นไว้ในพจนานุกรมหรือไม่ ถ้าถามว่า.. ต้องปรากฏซ้ำบ่อยแค่ไหน อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับขนาดของพจนานุกรม? หลักทั่วไป คือ ปรากฏอยู่ในข้อความ 15 ครั้งจากแหล่งข้อมูลที่แตกต่างกัน 15 แหล่ง และมีระยะเวลาประมาณ 5 ปี ด้วยเหตุนี้ เราจึงเลี่ยงศัพท์ประเภทคำคะนอง ซึ่งคนคนเดียวใช้อยู่ประเดี๋ยวประด๋าวกับศัพท์วูบวาบตามสมัย เช่น tofukey มาจากคำว่า tofu (เต้าหู้) กับ turkey (ไก่งวง) หมายถึง เต้าหู้ที่นำไปใช้แทน เนื้อไก่งวงเวลาทำอาหารมังสวิรัติ อย่างไรก็ตาม ในการจัดทำครั้งต่อไปคำว่า tofukey อาจถูกบรรจุไว้ก็ได้ หลักเกณฑ์เหล่านี้ช่วยให้ตัดสินได้ว่าคำไหนควรจะกลายเป็นคำสามัญในภาษาของเราต่อไป” ที่มา : คอลัมน์ สงสัยจริง นิตยสาร สรรสาระ Reader ‘s Digest ฉบับ ธันวาคม 2549 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ไม่มีมนตร์วิเศษใดๆ จะทำให้ทารกของคุณหลับหรือเลิกร้องไห้ได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยพบว่า เพลงกล่อมเด็กอาจช่วยได้ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นซิดนีย์ พบว่า การบำบัดด้วยเสียงเพลงช่วยให้ทารกที่อยู่ในหออภิบาลผู้ป่วยหนักมีการพัฒนาด้านพฤติกรรมที่เป็นปกติ ทารกที่ได้รับการบำบัดด้วยเสียงเพลงขณะอยู่ในโรงพยาบาลจะรักษาระดับของความรู้สึกรำคาญ และการร้องไห้ไว้เท่ากับระดับที่เคยเป็นเมื่อแรกเข้าโรงพยาบาล ส่วนทารกที่ไม่ได้ฟังเพลงจะอยู่โรงพยาบาลยากกว่าเมื่อผ่านไปนานวัน “ถ้าทารก หงุดหงิดน้อยลง และร้องไห้น้อยลง ก็อาจหมายความว่ากำลังจะหายป่วย และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น” ดร. สตีเฟน มาล็อก หัวหน้าคณะวิจัย กล่าว ให้ลองเปิดเพลงคุ้นหูซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับไกวตัวเด็ก เพื่อให้เด็กรู้สึกสบาย และผ่อนคลาย ทั้งจะเป็นการเพิ่มความผูกพันกับเด็กไปในขณะเดียวกันด้วย ที่มา : คอลัมน์ ครอบครัว นิตยสาร สรรสาระ Reader ‘s Digest ฉบับธันวาคม 2549 รวบรวมข้อมูลโดย : งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
นมและครีมแข็งตัวในอุณหภูมิประมาณ -7 องศาเซลเซียส ชาวอาหรับเป็นผู้ค้นพบว่า การเติมโซเดียมไนเตรต (โพแทสเซียมไนเตรต ส่วนประกอบในดินประสิว) ในน้ำเย็น ทำให้เกิดปฏิกิริยาดูดซับความร้อน ซึ่งลดอุณหภูมิจนต่ำลงมากพอจะทำไอศกรีม กรรมวิธีนี้น่าจะเผยแพร่สู่ยุโรปเมื่อครั้งที่ชาวมัวร์ ครอบครองสเปนในปี ค.ศ. 711 ถึง ค.ศ. 1492 “ประวัติศาสตร์ไอศกรีมที่เสิร์ฟในอังกฤษครั้งแรก เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองเซนต์จอร์จเมื่อปี 1671 สมัยพระเจ้าชาลสที่ 2 มีเฉพาะผู้นั่งร่วมโต๊ะ กับกษัตริย์เท่านั้น ที่ได้รับของหวานสุดหรูจานนี้ และพวกเขา จะกินเคียงกับสตรอเบอรี่” ลิซา กรีน ผู้บริหารสูงสุดของสมาพันธ์ไอศกรีม แห่งอังกฤษ กล่าว ที่มา: คอลัมน์ สงสัยจริง นิตยสาร สรรสาระ Reader ‘s Digest ฉบับ ธันวาคม 2549 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
ข่าวดีสำหรับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ทุกท่าน ที่ต่อไปไม่ต้องทานยาเยอะๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะแค่คุณดื่มชาวันละแก้ว ก็สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ดร. เอ็ด โอเคลโล่ แห่งศูนย์วิจัยสมุนไพร มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอังกฤษ ได้รายงานผลการวิจัยว่า การที่คุณดื่มชาเขียว หรือชาดำวันละ 1 ถ้วยทุกวัน สามารถยับยั้งการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะ ในชาเขียว และชาดำ มีสารที่ช่วยยับยั้งการเกิดปฏิกิริยาของเอ็นไซม์ที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้การดื่มชาเขียวยังสามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเบต้าซีเครเทส (Beta-secretase) ที่เป็นขั้นตอนในการผลิตตะกอนโปรตีนในสมอง อันเป็นสาเหตุของการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ แต่คุณจะต้องดื่มชาเขียวอย่างน้อย 1 อาทิตย์ถึงจะเห็นผลดี แต่หากคุณดื่มชาดำเพียงแค่ 1 วันคุณก็สามารถเห็นผลได้เร็วกว่าการดื่มชาเขียวหลายเท่า ถึงแม้ว่าแพทย์จะไม่สามารถรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายได้ แต่จากการวิจัยเรื่องการดื่มชา ก็สามารถยับยั้งและลดภาวะเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ราคาถูกผลข้างเคียงก็ไม่เกิด “ดื่มชาย่อมดีกว่าการรับประทานยานะคะ” ที่มา : คอลัมน์ Living Beware นิตยสาร ใกล้หมอ ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2549 ปีที่ 30 ฉบับที่ 11 ที่มาภาพ : http://www.sxc.hu รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
เกาลัดคั่วที่เห็นมากแถวเยาวราช มักจะมีเม็ดสีดำเล็กๆ คั่วรวมอยู่ด้วย หลายคนคิดว่าเป็นเมล็ดกาแฟ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เจ้าเม็ดสีดำเล็กนั้นคือเม็ดทรายขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เป็นทรายที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือที่เห็นตามตู้ปลาสีออกน้ำตาล พ่อค้าจะนำเอาทรายแห้งใส่ลงไปในกระบะใบใหญ่ พอทรายร้อนระอุได้ที่จนเป็นสีดำ ก็จะนำเอาลูกเกาลัดใส่ลงไป บางร้านเติมน้ำตาลทรายคั่วรวมกันให้ได้รสหวาน บางเจ้าเพิ่มกลิ่นหอมด้วยการใส่เมล็ดกาแฟคั่วรวมไป เหตุผลที่ต้องใช้เม็ดทราย ก็เพราะเม็ดทรายช่วยเก็บความร้อนไว้ได้ ซึ่งดีนักสำหรับการทำให้เกาลัดสุกถึงเนื้อผลด้านใน เพราะหากสังเกตกันดีๆ เนื้อผลของเกาลัดนั้นจะไม่ติดกับเปลือก ดังนั้นการใช้ทรายที่ร้อนระอุตลอดเวลาจะช่วยให้เนื้อเกาลัดค่อยๆ สุก แต่ต้องหมั่นคนเพื่อไม่ให้เกาลัดไหม้ ซึ่งจะคั่วกันนานราว 30-40 นาที เม็ดทรายนั้นใช้ได้นานกว่า 1 เดือน เรียกว่าคั่วเกาลัดได้หลายกระทะจนทรายที่เป็นเม็ดเริ่มป่นเป็นผงนั่นแหล่ะจึงจะเปลี่ยนไปใช้เม็ดทรายชุดใหม่ ที่มา : นิตยสาร ครัว krua vol. 13 no. 149 November 2006 รวบรวมข้อมูลโดย: งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด