โปงลาง

ภาพประกอบ : http://www.esan-music.com/
โปงลาง มีลักษณะคล้ายระนาดแต่มีขนาดใหญ่ เดิมทีโปงลางเป็นชื่อของกระดึงที่แขวนคอวัวต่าง เป็นสัญญาณระหว่างการเดินทางไปค้าขาย ส่วนโปงที่เป็นเครื่องดนตรีเดิมชาวบ้านในจังหวัดกาฬสินธุ์เรียกว่า "ขอลอ" โปงลางทำจากไม้เนื้อแข็งเช่น ไม้หมากเหลื่อม ไม้สมอป่า ไม้พยุง ไม้ประดู่ ไม้ขนุน แต่ที่นิยมว่าให้เสียงไพเราะที่สุดได้แก่ ไม้มะหาด ที่ตายยืนต้นมาแล้วประมาณ 3 ปี โปงลางจะประกอบด้วยลูกระนาดหรือไม้ท่อนโตขนาดแขนจำนวน 12 ท่อน เรียงจากขนาดใหญ่ไปหาเล็กหรือระดับเสียงต่ำไปหาสูง ท่อนยาวที่สุดประมาณฟุตครึ่ง และสั้นที่สุดประมาณ 1 ฟุต ถากตรงกลางให้บางเพื่อปรับระดับเสียงแล้วใช้เชือกร้อยเป็นผืนไม่ต้องใช้รางอย่างระนาด แต่ใช้แขวนไว้กับหลักหรือเสาแต่ไม่ให้ท่อนล่างชิดพื้น เสียงโปงลางประกอบด้วยเสียงห้า คือ เสียง โด เร มี ซอล ลา ในการตีโปงลางนิยมใช้คนบรรเลง 2 คน แต่ละคนใช้ไม้ตีสองอัน คนหนึ่งตีเสียงทำนองเพลงตามลายต่างๆ เช่นเดียวกับพิณหรือแคน อีกคนหนึ่งตีเสียงเสริมประสาน
เนื้อหา : "โปงลาง" จาก http://www.baanmaha.com/blog/เครื่องดนตรีพื้นบ้านอี/
กลองอีสาน

ภาพประกอบ : http://www.esan-music.com/
กลอง เป็นเครื่องดนตรีประเภทให้จังหวะ หรือคุมจังหวะ โดยกลองที่จัดว่าเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสาน มีอยู่ 3 ชนิดคือ กลองตึ้ง รำมะนา และกลองแอวหรือกลองยาว
- กลองตึ้ง เป็นกลองที่ให้เสียงทุ้มต่ำ คุมจังหวะตกของเพลง มีลักษณะทรงกระบอกกลม ข้างในกลวง ตัวกลองทำจากต้นไม้ขนาดใหญ่ เจาะรูทะลุ หุ้มด้านหนึ่งด้วยหนังสัตว์ ซึ่งนิยมใช้หนังวัว ขึงให้ตึงด้วยเชือกหนังสัตว์ (ปัจจุบันใช้เชือกไนล่อน) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกลองตึ้ง ใหญ่พอๆ กับกลองเพล แต่ความยาว จะน้อยกว่า หรือยาวประมาณ หนึ่งศอก
กลองตึ้ง นิยมใช้ประกอบขบวนแห่ เช่นวงมะโหรี และวงกลองยาว เนื่องจากมีขนาดใหญ่มาก ไม่สามารถถือตีคนเดียวได้ จึงผูกเชือกหนังเป็นห่วงเล็กๆ ไว้ที่ขอบกลองตึ้ง สำหรับสอดไม้เข้าไป และแบกสองคน คนที่เดินตามหลัง เป็นคนตี
กลองตึ้ง ให้เสียงคุมจังหวะตกเท่านั้น จึงตีเพียง ตึ้ง ตึ้ง (ไม่มีปะ) ที่จังหวะตกของเพลง ดังนั้น เพียงใช้ไม้ตี ก็พอ ไม้สำหรับตีกลองตึ้ง ทำจากไม้ไผ่ ด้านปลายหุ้มมัดเป็นก้อนกลมด้วยเศษผ้า แต่หากไม่มีไม้ตี ก็สามารถใช้มือตีได้
- รำมะนา เป็นกลองที่ให้เสียงทุ้มต่ำ เหมือนกลองตึ้ง ลักษณะทรวดทรง ก็เหมือนกับกลองตึ้ง ต่างกันแต่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่า ตัวกลอง ทำจากต้นไม้ขนาดกลาง หรือต้นตาล เจาะรูทะลุตรงกลาง หุ้มด้านหนึ่งด้วยหนังวัว ขึงให้ตึงด้วยเชือกหนัง หรือเชือกไนล่อน
รำมะนา มีน้ำหนักน้อยกว่ากลองตึ้ง จึงสามารถสะพายตีด้วยคนคนเดียวได้ รำมะนา ใช้ตีประกอบวงมะโหรี วงกลองยาว หรือตีให้จังหวะการเล่นพิณ แคน เป็นต้น
รำมะนา นอกจากคุมจังหวะตกแล้ว สามารถตีส่งจังหวะด้วย ซึ่งนั่นก็คือ มีทั้งเสียงตึ้ง และเสียงปะ จึงนิยมใช้มือตี แต่อย่างไรก็ตาม วงโปงลางพื้นบ้านส่วนใหญ่ ใช้รำมะนาเป็นตัวช่วยคุมจังหวะ ซึ่งใช้หลักการของกลองตึ้ง แต่กลองตึ้งใหญ่มากเกินไป หายาก จึงใช้รำมะนาแทน และตีคุมจังหวะตก เหมือนกลองกระเดื่องเหยียบในกลองชุดดนตรีสากล
- กลองยาว บางแห่งเรียกกลองหาง บางแห่งเรียกกลองแอว แต่โดยทั่วไป นิยมเรียกชื่อว่า กลองยาว ซึ่งลักษณะทรวดทรงดูผิวเผิน อาจจะคล้ายกลองยาวทางภาคกลาง แต่ความจริง ต่างกัน คือ รูปทรงนับจากช่วงขึงหน้ากลองลงมา หรือตัวกลองของกลองแอว จะยาวกว่ากลองยาวภาคกลาง ส่วนหางกลอง จะสั้นกว่าของกลองยาวภาคกลาง และหางของกลองแอว จะบานออก สามารถตั้งไว้ได้อย่างมั่นคง นอกจากนั้น การขึงหนังกลองแอว จะเอาด้านนอก หรือด้านที่มีขน ไว้ข้างนอก
กลองยาว นิยมทำจากไม้ขนุน เนื่องจากไม้ขนุน ให้กำทอนดี เนื้อแข็งพอประมาณ ไม่หนักมาก และมีสีสันสวยงาม หนังกลอง นิยมทำจากหนังวัวน้อย หรือวัวรุ่นๆ เพราะหนังยังบางอยู่ ยืดหยุ่นดี (วัวแก่ หนังหนา เสียงไม่ดี)
กลองยาว ที่ใช้ในคณะกลองยาว จะมีขนาดของกลองแต่ละลูกเท่ากัน เวลาจะใช้งาน จะใช้ข้าวเหนียวนึ่งสุก บดให้ละเอียดจนเหนียว นำมาติดหน้ากลอง เพื่อปรับระดับโทนเสียง ให้กลองทุกลูก ดังในคีย์เสียงเดียวกัน เมื่อเล่นเสร็จแล้ว จะขูดข้าวเหนียวออก ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาด คราบข้าวเหนียวออกจนหมด ก่อนนำไปเก็บ
วงโปงลางพื้นบ้าน จะใช้กลองยาว ๔-๕ ลูก เรียงลำดับเล็กไปหาใหญ่ ขึงขึ้นเสียงกลองให้ได้ระดับ ตามต้องการ เรียงลำดับเสียงสูง ไปหาต่ำ วางกลองแต่ละลูกบนขาตั้งกลอง
บรรณานุกรม
เจริญชัย ชนไพโรจน์. "เอกสารประกอบการสอนสิชาดุริยะ 362 ดนตรีพื้นบ้านอิสาน".มศว มหาสารคาม,2526.
อัษฎาวุธ สาคริก. เครื่องดนตรีไทย. กรุงเทพฯ : สำนักอุทยานการเรียนรู้,2550.
ภาพประกอบ
"โปงลาง" ค้นได้ที่
http://www.esan-music.com/shop/components/com_virtuemart/shop_image/product/ponglang003.jpg
"กลองอีสาน" ค้นได้ที่ http://www.esan-music.com/shop/components/com_virtuemart/shop_image/product/drums023.jpg


