|
A journey of tea (วิถีแห่งชา)
"Luku"
เมืองเล็กๆ
ในชนบทแห่งหนึ่งของ Taiwan
ที่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแห่งชา
นาม "oolong" ภูเขาหลายแห่ง
ณ.
ที่นี้ถูกปกคลุมไปด้วยความเขียว
พุ่มชา
ในสายหมอกที่ปกคลุมอยู่ทั่วไป
พร้อมทั้งกลิ่นหอมของการบำบัดโรคได้
ของใบชาพัดรวยระรินอยู่ในสายลมอ่อนๆ
ในอดีตกาล
สถานที่แห่งนี้เป็นที่หยุดพัก
ชั่วคราวของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังสถานที่พักผ่อนหย่อนใจชื่อ
"ป่า Hsitou"
และ แม่น้ำ "Shanlin"
แต่ด้วยความรีบเร่งเพื่อจะเดินไปถึงจุดหมายปลายทาง
ทำให้นักท่องเที่ยวมองข้ามสถานทีแห่งนี้ไป
แต่ปัจจุบันนี้
กลายเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
ของโลกในผลิตภัณฑ์แห่งชา
นั่นคือชา "Tungting
oolong" นั่นเอง
เมือง "Luku"
ตั้งอยู่ในเขต "Nantou"
มีประชากรเพียง 20,000
กว่าคน 95%
เป็นเกษตรกรผู้ปลูกชา
พื้นที่ปลูกชาใน Nantou
คิดเป็น 1/3 ของพื้นที่
ปลูกชาในไต้หวัน
ซึ่งมีอยู่ 18,000 เฮคเตอร์(1
เฮคเตอร์ = 10,000 ตร.ม.) และ
Luku เป็น 1/2
ของพื้นที่ปลูกชาใน Nantou
อย่างไรก็ตามถ้าคิดในแง่
ของ
พื้นที่เพาะปลูกหรือปริมาณผลผลิต
"Luku"
เป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุดใน
Taiwan
ชา "Tungting
oolong"
มีชื่อเสียงที่สุดในต้นคุณภาพและกลิ่น
ผู้ที่มาเที่ยวจะเห็นประกาศตามถนน
และที่พักเพื่อให้ลองดื่มชาท้องถิ่น
ของผู้ผลิตหรือ
พ่อค้าชา
ภูเขา "Tungting"
แหล่งปลูกหลักของชาในเมือง"Luku"
(เป็นภูเเขาเล็กในภูเขา"Fenghuang")
740 เมตร
ถูกปกคลุมด้วยหมอกไอน้ำ
ทุกฤดูกาล
อุณหภูมิแปรเปลี่ยนมากจากกลางวันไปกลางคืน
ตามแนวชันขึ้นไปเปียกแฉะตลอดเวลาด้วยฝนและหมอก
ทางขึ้นเขาโดยทางเท้าเท่านั้น
ในระหว่างรัชสมัย"Daoguang"
ราชวงศ์ "Qing" ชายคนหนึ่งชื่อ
"Lin fengchi"
ผู้เป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน
แรกๆสุดที่เกิดขึ้นในเมือง
"Luku"
ได้เดินทางเข้าไปสอบในเมือง
เป็นการสอบระดับจังหวัด
หลังจากสอบผ่านระหว่างเดินทางกลับได้
แวะซื้อเมล็ดพันธุ์ชา 36
เม็ด (ชา Chinghsin oolong จากภูเขา
"Wuyi ใน Fujian")
นำกลับมาเพาะปรากฏว่าปลูกขึ้น
12 เม็ด จากคนท้องถิ่น
นาม "Lin Sanxian" กลับกลายขยายพันธุ์
เพิ่มขึ้นจนเป็นก่อชา
เต็มไปหมด
อากาศที่เย็นบริสุทธิ์
สดชื่น,
ดินที่อุดุมไปด้วยปุ๋ย
แสงอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์
ในเวลากลางวันซึ่งเป็นสภาวะที่เหมาะสม
ในการปลูกชา
"ชาคุณภาพดีที่สุด
ราคาแพงที่สุดในโลกก็มาจาก
Luku" นี่เอง
เป็นคำกล่าวของผู้อำนวยการทั่วไปของ
Luku Tourism Promotion Association ชื่อ "Chen
Meng-Chin"
ผู้บอกเรื่องราวของอุตสาหกรรมชา
ที่นั่น เขากล่าวว่า "มากกว่า
4 ทศวรรษ ถอยหลังไป
สภาวะอากาศ และ
ธรรมชาติ เช่นนี้
เป็นสิ่งที่นำมาซึ่ง
ชื่อเสียง
ของเมืองแห่งชานี้
และมูลค่าของชาก็เพิ่มขึ้นสูงสุดจาก
10 เหรียญ(NT$) : 600 กรัม
ในยุคแรก เป็น 50,000 เหรียญ(NT$)
เมื่อชาเกรดดีที่สุดได้รับความนิยมในปลายยุค
1990
ในปี 1976
มีการจัดแข็งขันคุณภาพของชา
ทำให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ของชา "Tungting "
แห่ง "Luku"
สถานีปรับปรุงและสถานีปฏิบัติการ
เพาะพันธุ์ชาของเมือง "Tungting"
ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงเกษตรได้กล่าวว่า
ดินบริเวณภูเขา
"Tungting"
เหมาะสมและเป็นประโยชน์ที่ดีที่สุด
สำหรับ การปลูกชา "oolong"
(รู้จักกันทั่วไปในชี่อชา
"Paochong")
และมีชั้นดินที่ลึก
ผิวดินสูงจากระดับน้ำทะเล
ประมาณ 700 เมตรหรือ
สูงกว่านั้น
ในปี 1990
ผู้ปลุกชาใน "Luku"
เริ่มเผชิญและต้องแข่งขันกับชาชนิดอื่น
ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
และความเหี่ยวเฉาของธรรมชาติของต้นชา
ทำให้เกิดแนวทางใหม่
คือ "เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ"
การดื่มช่วยดับกระหายและผ่อนคลายสร้างสุนทรียภาพ

|
|
ภาพยอดชา |
 |
 |
| การผึ่งชา |
การคั่วชา |
การทำชา
ชา"Tungting
oolong"
ที่คุณภาพดีเป็นเลิศนั้น
ทุกขั้นตอนการผลิตมีความสำคัญยิ่ง
ถ้าเกิดข้อบกพร่องเพียงนิดเดียว
กลิ่นและคุณภาพของชาก็จะเสียไป
สิ่งสำคัญแม้ใบชาผ่าการต้มแล้ว
ใบชายังคงไว้ซึ่งกลิ่นหอมของตัวมันได้อีก
กล่าวโดยทั่วไปมีขั้นตอนมากกว่า
10
ขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยากในการทำชา
เริ่มจาก ขั้นแรก
การเก็บใบชา(Plucking) หลังจากนั้น
ทำให้เหี่ยวเฉา(นั่นคือนำใบผึ่งให้แห้งทั้งในร่มและแดด)
เรียกขั้นตอนนี้ว่า "Shajing"
นวด,
การทำให้แห้งเบื้องต้น,
ให้ความร้อน,
ทำให้แห้งอีกครั้ง
หลังจากขั้นตอนทั้งหมดนั้นก็จะได้"ชาหยาบ"
หลังจากนั้นจะต้องนำไปตรวจสอบ,
คัดเกรด, เก็บรักษา
และบรรจุหีบห่อ
เพื่อพร้อมออกสู่ตลาดต่อไป
"Shajing" เป็นคำจีน
แปลว่า "จำกัดการออกดอก"
เป็นขั้นตอนที่วิกฤตที่สุด
หลังจากผึ่งแดดและนำมาผึ่งบนกรอบไม้ไผ่ภายในร่ม
เป็นการ เริ่มต้นของการหมักใบชา
เมื่อหมักได้ที่
มาถึงขั้นตอนที่รสชาติที่เข้มข้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญต้องให้ความร้อนอย่างรวดเร็ว
(เช่น การคั่ว)
เพื่อหยุดขั้นตอนการหมัก
และรักษารสชาติไม่ให้เสียไป(นี่เป็นส่วนหนึ่งของการหมัก
ซึ่งแตกต่างจาก
ชาเขียวไม่ต้องหมักเลย
และชาดำซึ่ง
ต้องหมักอย่างเต็มที่)
ในขั้นตอนการหมักนั้นรสชาติจะเปลี่ยนแปลงไป
ในเวลานี้ต้องพึ่งจมูก
และประสบการณ์
ของผู้ทำหรือเกษตรกรผู้นั้น
เพื่อควบคุมกลิ่นของชา
 |
 |
|
การหมักชา |
หลังจากขั้นตอน
Shajing
นี้ใบชาจะถูกอัดในเครื่องและขึ้นรูปใหม่
และอัดลงไปมากกว่า 40
ครั้ง
ซึ่งเป็นการผลิตที่สำคัญยิ่ง
เพี่อให้ได้ชาคุณภาพ
ที่สูงและดียิ่งขึ้นไป ดีกรี
การหมักของชา "oolong"
อยู่ระหว่าง 15%-25%
การผลิตนี้คล้ายกับการผลิตชา
"Wenshan paoohong"
แค่เน้นที่กลิ่นอ่อนๆ
ใบชาหยาบและยาว
ในทางกลับกันชา "Tungting"
ระหว่างการขึ้นรูปและดูแลรักษาใบชาจะถูกทำให้
ม้วนและโค้ง
เป็นระเบียบเรียบร้อย
จะสดใสเป็นสีเหลือทอง
และเมื่อต้มจะหอมกว่ารสชาติจะทนนานกว่าตลอดการชงชาเก็บได้นานกว่า
เมื่อกลั้วในปาก
ให้รสชาติ
ติดทนนานผ่านไปถึงคอดีกว่า
 |
 |
|
การเก็บและการคั่ว |
ชา"Tungting"
ผลิตตลอดปี เก็บเกี่ยว 5
ครั้ง/ปี
ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องชา
ชื่นชอบ Spring tea ในเรื่อง
ความหอม, Winter tea ในเรื่อง
รสชาติของมัน
ความความหายาก
ขาดแคลนทางธรรมชาตินำมาซึ่งมูลค่าสูง
เมื่อหลายปีผ่านไปการขายและการแสดงนิทรรศการของ
Spring tea และ Winter tea
นำมาซึ่งความประหลาดใจในผลลัพธ์อันนี้
ผู้ขายชาจากทุกที่ได้รายได้สูงถึง
100 ล้านเหรียญ(ไต้หวัน)
ใน 1 วัน
ทุกครัวเรือนจุดดอกไม้ไฟ
ประทัด
และกินเลี้ยงเฉลิมฉลองรางวัลแห่งผู้ชนะที่ได้มาในครั้งนี้
ชายังนำมาซึ่งนักท่องเที่ยวอีกด้วย
เมื่อได้มาชมและพักผ่อนที่
"Hsitou"
พื้นที่แห่ง "Luku"
ซึ่งเป็นทางผ่านของนักท่องเที่ยวและหยุดพักได้ดึงดูด
นักท่องเที่ยวและเป็นที่ต้องตาต้องใจมากกว่าล้านคนต่อปี |