การขยายพันธุ์และการเพาะปลูก
การปลูกชาใช้ต้นกล้าและกิ่งปักชำเป็นวัสดุปลูก
เมล็ดชาที่ใช้เพาะได้มาจากแปลงขยายพันธุ์หรือที่เรียกว่า
'bari'
โดยมีการเจริญเติบโตของต้นตามธรรมชาติ
ใช้ระยะปลูกห่าง(5ม.x
5ม.) โดยมีการคัดเลือกสายพันธุ์ต้นแม่ที่นำมาปลูกในแปลงขยายพันธุ์
หรือเมล็ดจากสายต้น
ที่ได้รับการคัดเลือก(สองสายต้นหรือหลายสายต้น)
คัดเลือกเมล็ดขนาดใหญ่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า
12.5 มม.
ซึ่งจัดว่ามีอาหารสำรอง
ในเมล็ดมากพอ
นำเมล็ดที่ได้ไปแช่น้ำนาน
1/2-1 ชม.
คัดเลือกเมล็ดที่จมซึ่งมีความงอกสูงและต้นกล้าที่ได้มีความแข็งแรง
นำเมล็ดไปเพาะงอก
โดยคลุมด้วยกระสอบป่าน ตรวจสอบความงอกของเมล็ดสัปดาห์ละ
2 หน
นำเมล็ดที่งอกไปปลูกในแปลงเพาะเลี้ยงกล้าไม้ กล้าไม้อายุ
1.5-2.5 ปี ตัดส่วนลำต้นสูง
1.5 ซม.
ทำการขุดและย้ายพันธุ์แปลงปลูก
มีการพัฒนาเทคนิคการขยายพันธุ์โดยไม่ใช้เพศ
มีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในอินเดีย
คีนยาและศรีลังกาในทศวรรษ
1960 และในอินโดนีเชีย
ในทศวรรษ 1970
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามีการใช้กิ่งปักชำในการขยายพันธุ์โดยทั่วๆไป
มีการคัดเลือกต้นมาปลูกในแปลงขยายพันธุ์ปล่อยให้ยอด
เจริญเติบโต
ตามปกติมีจำนวนข้อถึง
15 ข้อ
ก่อนทำการตัดมาใช้ขยายพันธุ์
ยอดที่เหมาะสำหรับขยายพันธุ์ควรเป็นยอดหลักมีสีเขียว
เนื้อไม้แข็งปานกลาง
มีใบติดอยู่
ในเรือนเพาะชำทำการตัดแต่งกิ่งไม่เกิน
8 ข้อ
ในบริเวณส่วนกลางของยอดโดยใช้มีดที่มีความคมนำไปเพาะในถุงพลาสติดขนาด
10 ซม.x 30 ซม.
โดยให้ส่วนตาและใบโผล่พ้นดินเล็กน้อย
วัสดุปลูกควรมีสภาพเป็นกรดและมีอินทรีย์วัตถุต่ำ
รดน้ำและนำไปเรียงในกระโจมพลาสติกภายใต้ร่มเงา
ทำการรดน้ำเป็นครั้งคราวแข็งแรงก่อนที่จะนำไปปลูก
ในแปลงปลูกที่อายุ
6-9 เดือน
เทคนิคในการขยายพันธุ์ชาที่มีการพัฒนาล่าสุด
ได้แก่ composite tea plant ซึ่งได้จากการติดตาบนกิ่งก่อนนำไปปักชำ
ทำให้สามารถเพิ่มผลผลิต
โดยที่ยังคงรักษาคุณภาพไว้ได้
โดยการรวมความแข็งแรงของต้นตอกับตา
ที่ได้จากต้นที่ผลิตชาคุณภาพสูง
การขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
มีความเป็นไปได้แต่ได้รับความสนใจในปัจจุบันเพียงเล็กน้อย
ในการปลูกชามีจำนวนต้นต่อพื้น
1,760-2,240 ตัน/ไร่
ขึ้นอยู่สภาพภูมิอากาศและสภาพดิน
ตลอดจนความแข็งแรง
ของสายพันธุ์
การปลูกบนพื้นที่ที่ลาดชันเป็นการปลูกเป็นแถวตามแนวระดับ
จากผลการทดลองในหลายพื้นที่พบว่าไม่มีระยะปลูกที่เหมาะสมโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตามในแง่ของการอนุรักษ์ดินมีการใช้ระยะปลูกแคบ(60
ซม.)
ในแถวและระยะระหว่างแถวกว้างพอเพียงสำหรับการปฏิบัติงานเก็บเกี่ยว
เพื่อเป็นการป้องกันการพังทะลายของหน้าดินและให้ร่มเงาในระยะแรก
มีการปลูก Tephrosia
candida(Roxb.) DC., Crotalaria micans Link หรือ
C.trichotoma Bojer
ระหว่างแถวการคลุมโคนด้วยเศษพืช
ที่ได้จากพืชตระกูลถั่ว
ที่ปลูกเป็นพืชร่วมหรือหญ้ากัวเตมาลา
(Tripsacum andersonii J.R. Gray) ช่วยในการรักษาความชื้น
ป้องกันการพังทะลายของดินตลอดจนควบคุมวัชพืช
ได้แก่ Paraseriensis falcatatia (L.)
Nielsen, กระถิน (Leucaena leucocephala(Lamk) de
Wit) และ Erythrina subumbrans (Hassk.) Merrill
มีเฉพาะแปลงปลูกบนพื้นล่าง |