สนเทศน่ารู้ :: ชา (Tea)

การบำรุง ดูแล รักษา

ทำการกำจัดวัชพืชสม่ำเสมอเฉพาะในช่วง 2-3 ปีแรกหลังปลูก สภาพร่มเงาของพุ่มต้นและวัสดุคลุมดินมีส่วนสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตของวัชพืช การกำจัดวัชพืชที่หลงเหลือ อยู่สามารถใช้สารป้องกันกำจัดวัชพืชฉีดพ่นเป็นจุดๆ  การตัดแต่งกิ่งในชามีวัตถุประสงค์หลักดังต่อไปนี้

- การเกิดทรงพุ่มในต้นขนาดเล็ก:  เป็นการตัดแต่งกิ่งในหลายระดับเพื่อกระตุ้นการเจริญด้านข้าง ทำให้พุ่มต้นแผ่กว้างเป็นการถาวร ไม่มีช่องว่าง ในส่วนขอบของทรงพุ่มที่ทำการเก็บเกี่ยว มีการโน้มกิ่งและยึดกิ่งให้เอนลงด้านล่าง ทำให้ไม่ต้องตัดแต่งในบางกิ่ง ในขณะเดียวกัน เป็นการเร่งการเกิดพุ่มต้นด้านล่างที่ดี  ต้นที่มีการโน้มกิ่งสามารถเก็บเกี่ยวได้เร็งขึ้นโดยสามารถเก็บเกี่ยวได้บางส่วนเมื่อเข้าสู่ปีที่ 2

 -การตบแต่งรูปทรงของพุ่มใบด้านบนเป็นครั้งสุดท้าย:  มีการเด็ดยอดหรือหักยอดที่เจริญพุ่งขึ้นด้านบน 3-5 ครั้ง เพื่อทำให้พุ่มใบด้านบนแบนราบ ที่ระดับความสูง 50-60 ซม.  สำหรับการเก็บเกี่ยวครั้งแรก ในลักษณะดังกล่าวต้องการชั้นใบหนา 20-25 ซม.  ทำหน้าที่บำรุงรักษาพุ่มต้น และส่วนยอดที่เกิดยอดในช่วงผลิใบหนาแน่น

-การตัดแต่งกิ่งในการบำรุงรักษา:  เป็นการตัดแต่งกิ่งทุกๆ 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ  โดยตัดส่วนใบ และกิ่งเหนือกิ่งที่เป็นโครงหลักออกทั้งหมด เพื่อให้ส่วนพุ่มยอด ที่ทำการเก็บเกี่ยวลดต่ำลง และเพื่อให้มีกิ่งอ่อนเกิดขึ้นแทนกิ่งแก่ที่ตัดออกไป  โดยในช่วงดังกล่าวส่วนของพุ่มยอดอาจสูงขึ้น 120-150 ซม.  และผลผลิตลดลง การตัดแต่งกิ่งอาจมีลักษณะแตกต่างกันตั้งแต่การตัดออกมาก ไปจนถึงการตัดแต่ง เพียงเล็กน้อย ช่วงเวลาเหมาะสมในการตัดแต่งกิ่ง ได้แก่ ในช่วงตนของฤดูหนาวหรือฤดูแล้ง ซึ่งมีอาหารจำพวกแป้งสะสมอยู่ในรากเป็นปริมาณมาก ดังนั้นการเจริญเติบโตหลังการตัดแต่ง จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว  หลังการตัดแต่งกิ่งมีการตัดยอดหลายหน เพื่อเตรียมพุ่มต้นด้านบน ในการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไป

- การตัดส่วนโคนต้น: เป็นการตักแต่งกิ่งในระดับต่ำกว่าการตัดแต่งกิ่งตามปกติ ไปจนถึงการตัดระดับผิวดิน เพื่อให้มีต้นใหม่เจริญเติบโตขึ้นมาแทนที่ต้นแก่ อาจจะใช้เวลานาน 5-6 ปี  ก่อนที่จะกลับมาให้ผลผลิตเต็มที่ ชาต้องการปุ๋ยสม่ำเสมอเพื่อรักษาระดับของผลผลิตเต็มที่ แต่ชนิด และอัตราการใส่ปุ๋ย แตกต่างกันไป ในแต่ละแหล่งปลูกตามสภาพดิน สภาพแวดล้อม การเขตกรรม สภาพร่มเงา อายุต้นและพันธุ์ คำแนะนำในการใส่ปุ๋ยขึ้นอยู่กับผลงานทดลอง ผลการวิเคราะห์ดิน และใบผลวิเคราะห์ใบที่ 3 จากส่วนยอดเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับสภาวะของธาตุอาหารในต้น  ในการเก็บเกี่ยวชาที่แปรรูปแล้วเสร็จ หนัก 1 ตัน  มีการนำธาตุอาหารจากดินออกไปเป็นปริมาณดังต่อไปนี้  ไนโตรเจน 45 กก., ฟอสฟอรัส(P2O5) 5 กก., โพแทสเซียม (P2O) 20 กก., แคลเซียม(CaO) 8 กก. และแมกนีเซียม(MgO) 3 กก. ชิ้นส่วนของเศษพืชที่เกิดจากการตัดแต่งและทิ้งอยู่ในแปลงปลูกมีส่วนสำคัญ  ในการหมุนเวียนของธาตุอาหารพืชกลับคืนสู่ดิน และเพิ่มปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน ไนโตรเจนจัดเป็นธาตุอาหารที่สำคัญที่สุดในชา โดยมีอัตราการตอบสนองอย่างชัดเจนต่อการใส่ปุ๋ยไนโตรเจน 24-32 กก./ไร ่ จัดว่าให้ผลคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสำหรับแปลงปลูกที่มีการเจริญเติบโตเต็มที่ ปริมาณปุ๋ยไนโตรเจนที่ใส่มากเกินความต้องการ ของพืชเป็นผลเสียต่อคุณภาพชา  อัตราการใส่ปุ๋ยฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมส่วนมากขึ้นอยู่กับสูตรปุ๋ยที่ใช้ เช่น  NPK 25-5-5(คีนยา)6-1-2(อินโดนีเชีย)  ธาตุอาหารหลักอื่นๆ (แคลเซียม แมกนีเซียมกำมะถัน) และธาตุอาหารรอง (แมงกานีส ทองแดง สังกะสี) มีการใส่แยกต่างหากตามความจำเป็น รวมทั้งมีการให้ปุ๋ยทางใบสำหรับธาตุอาหารเอง 

ที่มา: คัดลอกจาก PROSEA ทรัพยากรพืชในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 16 พืชที่ให้สารกระตุ้น. 2001
          พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ชวนพิมพ์.

สาระ..ชา | ข้อมูลชาทางพฤกษศาสตร์ สภาพนิเวศและเขตกรรม | ชาเกี่ยวกับศิลปวัฒธรรมและประเพณี | บทความเกี่ยวกับชา

สนเทศน่ารู้ เรื่องชา ขึ้นด้านบน



ปรับปรุงล่าสุด : 10 มิถุนายน 2553 16:21:54 น.