สนเทศน่ารู้ :: ชา (Tea)

สภาพนิเวศ การปลูกชา

ชามีถิ่นกำเนิดในเขตมรสุมที่มีสภาพอากาศร้อนและฝนตกชุกในช่วงฤดูร้อนและอากาศหนาวเย็นและแห้งในช่วงฤดูหนาว ปัจจุบันมีการปลูกชา ตั้งแต่ในสภาพอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ไปจนถึงสภาพอากาศในเขตร้อนระหว่างเส้นรุ้งที่ 42 เหนือ (จอร์เจีย)  และ 27 ใต้้(อาร์เจนตินา) ในระดับความสูงของพื้นที่ ่ระดับน้ำทะเลไปจนถึงระดับความสูง 2,300 ม. ปริมาณฝนตกเฉลี่ยตั้งแต่ 1,500 มม./ปี(อูกานดา) ไปจนถึง 3,500 มม./ปี (ชวาตะวันตก) ปริมาณฝนตกอย่างต่ำ 1,700 มม./ปี เหมาะสมสำหรับปลูกชาที่ให้ผลคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การให้น้ำชลประทานให้ผลดีก็เฉพาะเมื่อมีความชื้นในอากาศสูงพอ ในทางตรงกันข้ามปริมาณฝนตกสูงถึง 5,000 มม./ปี ไม่เป็นผลเสียต่อการเจริญเติบโตของชา ทั้งนี้ไม่ควรมีปริมาณฝนตกต่ำกว่า 50 มม. ในแต่ละเดือนต่อเนื่องกันเป็นเวลายาวนาน ลูกเห็บทำความเสียหายต่อผลผลิตชา 10-30% ในบางพื้นที่ เช่น ในคีนยา ที่ปลูกในพื้นที่สูงเกิน 2,000 ม.

อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของยอดโดยทั่วไปอยู่ระหว่าง 18-30 cส่วนยอดชะงักการเจริญเติบโตเมื่ออุณหภูมิลดลงต่ำกว่า base temperature(Tb) ที่ 12.5 c แต่ทั้งนี้มีค่าแปรปรวนไปตามจีโนไทป์ของชา ในช่วง 8-15 c  ค่า thermaltime ผลของจำนวนวันและ effective temperature(T-Tb) สำหรับ SRC ในชา มีค่าเฉลี่ย 475 วัน c  ในสภาพที่พืชไม่ขาดน้ำค่า ดังกล่าวจัดเป็นตัววัดที่มีประโยชน์ในการประมาณการผลของอุณภูมิในสภาพภูมิประเทศ และฤดูกาลที่มีต่อความยาวของ SRC และต่อเนื่องไปถึงรูปแบบของการให้ผลผลิต ในสภาพอุณหภูมิเฉลี่ยของวันที่ 22.5 c ค่า SRC มีค่าเท่ากับ 48 วัน  เปรียบเทียบกับ 79 วันที่ 18.5 cค่า thermaltime ไม่สามารถนำไปใช้ในการประเมินผลในสภาพอุณหภูมิเกิน 30 c ซึ่งค่า high vapour pressure deficits ของอากาศ(>23 mbar) มีผลทำให้การเจริญเติบโตของยอดลดลง สภาพอากาศหนาวจัดจนน้ำค้างแข็งที่เกิดบนที่สูงไม่ทำให้ต้นชาตายได้ โดยเฉพาะในชาจีนซึ่งทนทานต่อสภาพอากาศหนาวจัดได้ดี ความยาวของวัน มีผลต่อการเจริญเติบโตในแต่ละฤดูกาลและการออกดอกไม่มากนัก

บนที่สูงในเขตร้อนการสังเคราะห์แสงของพุ่มใบของต้นชาโดยรวมถึงจุดอิ่มตัวเมื่อได้รับแสงแดด 75% ของสภาพแดดจัด โดยทั่วไปชาให้ผลผลิตสูงกว่าในสภาพไม่มีร่มเงาแต่ต้นไม่ที่ให้ร่มเงาอาจมีความจำเป็นในการลดอุณภูมิของอากาศ ในช่วงทีมีอากาศร้อน เช่น ในอัสสัมและบังกลาเทศ การปลูกพืชเป็นแนวระหว่างแปลงปลูก เป็นประโยชน์ในการกำบังลมแรง

ชาเจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินต่างๆ กันที่เกิดมาจากหินต้นกำเนิดแตกต่างกัน ในสภาพที่มีฝนตกชุก ดินที่เหมาะสำหรับปลูกชาควรมีการระบายน้ำดี ความลึกหน้าดิน 2 เมตร ค่า pH 4.5-5.6 มีลักษณะเป็นดินร่วนทรายไปจนถึงสภาพดินเหนียว อุ้มน้ำได้ดี

สภาพภูมิอากาศมีอิทธิพลต่อคุณภาพของชามากโดยเฉพาะรสชาติ การเจริญเตอบโตอย่างรวดเร็วของส่วนยอด เช่น ที่เกิดในแปลงปลูกชาบนพื้นที่ต่ำในช่วงฤดูกาล ที่เหมาะสม หรือหลังจากการตัดแต่งกิ่งให้ชา คุณภาพต่ำ รสชาติไม่ดี แต่ให้ผลผลิตสูง ดังนั้นในส่วนของวิธีการเก็บเกี่ยวและการบำรุงรักษา เพื่อเร่งการเจริญเติบโต เช่น การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในปริมาณมาก ผู้ปลูกต้องเลือกระหว่างผลผลิตสูงและคุณภาพของชา อย่างไรก็ตามในการปลูกชา ในเขตร้อนในสภาพดินมีความอุดมสมบูรณ์สูง ในระดับความสูงของพื้นที่ 1,200-1,800 เมตร สามารถผลิตชาที่มีคุณภาพสูงและผลผลิตสูง ในระดับความสูงของพื้นที่ มากขึ้น ชาที่ได้มีรสชาติดีขึ้น แต่รสชาติอ่อน และผลผลิตลดลง ในทำนองเดียวกัน การชะงักการเจริญเติบโตของยอดในช่วงแล้ง และการแตกยอดเป็นจำนวนมากเกินไปที่ทำให้ความแข็งแรง ของยอดโดยรวมลดลง ก่อนหน้าการเก็บครั้งต่อไปเล็กน้อย ทำให้ได้ผลผลิตที่มีรสชาติดีแต่ผลผลิตต่ำ

ที่มา: คัดลอกจาก PROSEA ทรัพยากรพืชในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 16 พืชที่ให้สารกระตุ้น. 2001
          พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ชวนพิมพ์.

สาระ..ชา | ข้อมูลชาทางพฤกษศาสตร์ สภาพนิเวศและเขตกรรม | ชาเกี่ยวกับศิลปวัฒธรรมและประเพณี | บทความเกี่ยวกับชา

สนเทศน่ารู้ เรื่องชา ขึ้นด้านบน



ปรับปรุงล่าสุด : 10 มิถุนายน 2553 16:21:54 น.