![](images/ozon2-f.gif) |
โอโซนเป็นก๊าซสีน้ำเงินเข้ม
พบได้ทั่วไปในบรรยากาศโลก
และเป็นอันตรายต่อปอด
หากเราหายใจเข้าไปมาก ๆ
ก๊าซโอโซนที่อยู่ในบรรยากาศระดับสูงเรียกว่า
ชั้นสตราโซเฟียร์
จะจับตัวกันเป็นก้อนโอโซนปกคลุมทั่วโลก
ในบางแห่งจะหนา
และบางในบางแห่งชั้นโอโซนจะทำหน้าที่ปกป้องโลกจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์
ซึ่งรังสีนี้จะทำให้โลกร้อนขึ้น
และทำให้เกิดอันตรายกับสิ่งมีชีวิต
เช่น
ทำให้คนและสัตว์เป็นมะเร็งผิวหนัง
ตาเป็นต้อหรือมัวลง
และทำให้เกิดการเปลียนแปลงของดีเอ็นเอ
ซึ่งเป็นสารทีถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิต
มีผลทำให้พืชและสัตว์กลายพันธ์ไปจากเดิม
ตลอดจนเกิดการทำลายระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์
และทำลายจุลินทรีย์ต่างๆ
ในปี ค.ศ 1974 มาริโอ โมลินา
กับเพื่อนร่วมงานชื่อ
เชอร์วุ้ด โรว์แลนด์
แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอเนียร์
ได้ทำการวิจัยพบว่า
สารชนิดหนึ่งชื่อว่า สาร CFCs
คือตัวการทำลายชั้นโอโซนส่งผลให้เขาและเพื่อนได้รับรางวัลโนเบล
สาขาเคมีปี ค.ศ 1995
ในฐานะผู้ค้นพบสาร CFCs
เป็นคัวการทำลายชั้นบรรยากาศ
สาร CFCs มีชื่อทางการค้าว่า
ฟรีรอน
ซึ่งครั้งหนึ่งถือว่าเป็นสารมหัศจรรย์
เพราะไม่ติดไฟ
ไม่เป็นพิษต่อผู้สูดดมเข้าไป
ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง
จึงมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง
ๆ มากมาย เช่น
ใช้เป็นสารทำให้เกิดความเย็น
ในตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศ
ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตโฟม
พลาสติก
ใช้เป็นสารทำลายในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
และใช้เป็นสารขับดันในสเปรย์กระป๋อง
เช่น สีพ่น สเปรย์ฆ่าแมลง
สเปรย์ฉีดผม และอื่นๆ
อีกจำนวนมาก
การใช้สารกลุ่ม CFCs มีความสามารถทำลายชั้นบรรยากาศได้เพราะมีคลอรีน
(chlorine) เป็นองค์ประกอบในโมเลกุล
เมื่อสารนี้ลอยขึ้นไปสู่ชั้นสตราโตสเฟียร์และถูกรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์
ก็จะแตกตัวทำให้เกิดคลอรีนอิสระ และคลอรีนนี้จะไปทำลายได้โอโซน
ทำให้ไม่สามารถที่จะกั้นรังสีอัลตราไวโอเลตได้
|
ด้วยเหตุแห่งความรุนแรงของสาร CFCs ต่อโอโซนในบรรยากาศของโลก
ทำให้ประเทศต่าง ๆ จำนวน 31 ประเทศ ได้ส่งตัวแทนไปประชุมกันที่เมือง
มอนทรีออล ประเทศแคนนาดา ในเดือนกันยายน ค.ศ 1987
และได้ร่วมกันจัดตั้งอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยการป้องกันบรรยากาศชั้นโอโซน
ซึ่งภายใต้อนุ
สัญญานี้ ได้มีการจัดทำพิธีสารมอนทรีออลขึ้น
โดยระบุประเทศที่พัฒนาแล้วต้องเลิกผลิตและการใช้สารที่ทำลายชั้นโอโซน
พิธีสารมอนทรีออล มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ 1989
โดยประเทศไทยร่วมลงนามในพิธีสารนี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ 1988
และให้สัตยาบัน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ค.ศ 1989
และมีผลบังคับให้ต่อประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ 1989โดยประ
จากผลของอนุสัญญาฯ องสค์การสหประชาชาติ จึงได้กำหนดให้วันที่ 16
กันยายนของทุกปี เป็น "วันโอโซนโลก"
พิธีสารมอนทรีออล ได้มีการแก้ไขฉบับต่อ ๆ มา
ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการผลิต ในอุตสาหกรรมที่ใช้สารพวกนี้ เป็นอย่างมาก
สำหรับประเทศไทย กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้วางแผนการลดและเลิก
ใช้สารทำลายโอโซน โดยคาดว่า ในปี ค.ศ 1998 ประเทศไทยจะสามารถเลิกใช้สารนี้
ได้เกือบทุกชนิด ยกเว้นการใช้สาร CFCs ในอุปกรณ์ห้องเย็น ตู้เย็น
และเครื่องปรับอากาศ
โดยเฉพาะในส่วนที่เกียวข้องกับการให้บริการเติมน้ำยาแอร์แก่อุปกรณ์เดิม
คาดว่าจะเลิก ใช้ทั้งหมดภายในปี ค.ศ 2010 ตามพิธีสารฯ กำหนด
![](../images/bar.gif)
บรรณานุกรม
วรนุช อุษณกร. ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๔๓.
ภาพประกอบบทความภาษาฝรั่งเศส เรื่อง "UN IMMENSE PARASOL AU-DESSUS DE LA TERRE" จาก http://www.ec.gc.ca/ozone/DOCS/KIDZONE/FR/ozoneupthere.cfm
ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|