ลูกเสือได้กำเนิดครั้งแรกในประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐โดยท่านลอร์ดบาเดน
เพาเวลล์ กิจการลูกเสือในยุคแรกมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมคนไว้เป็นทหาร
หลายประเทศที่ไม่มีพระราชบัญญัติเกณฑ์ทหาร จึงได้จัดให้มีลูกเสืออย่างประเทศอังกฤษบ้าง
หลังจากนั้นไม่นานกิจการลูกเสือก็ได้แพร่หลายเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
ในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ลอร์ด บาเดน เพาเวลล์
ได้แต่งหนังสือคู่มือการฝึกอบรมลูกเสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง มีชื่อว่า Scouting
For Boys และคำว่า "Scout"
จึงใช้เป็นคำเรียกผู้ที่เป็นลูกเสือซึ่งมีความหมายมาจาก
S
ย่อมาจาก Sincerity แปลว่า
ความจริงใจ
C ย่อมาจาก Courtesy
แปลว่า ความสุภาพอ่อนโยน
O
ย่อมาจาก Obedience แปลว่า
การเชื่อฟัง
U ย่อมาจาก Unity
แปลว่า ความเป็นใจเดียวกัน
T ย่อมาจาก Thrifty
แปลว่า ความประหยัด
และในปีนี้เอง
ได้มีการจัดตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นกองแรกในประเทศอังกฤษ
ซึ่งกิจการลูกเสือได้แพร่หลายอย่างรวดเร็ว จนต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๒
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่ ๑ ทรงรับอุปภัมภก เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาเห็นความสำคัญและประโยชน์ของลูกเสือ
จึงได้ก่อตั้งกองลูกเสือขึ้นเป็นประเทศที่ ๒
ต่อมาใน พ.ศ. ๒๔๕๔ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองเสือป่าขึ้น
เพื่อให้ข้าราชการพลเรือนได้เข้ารับการอบรม
โดยมีจุดประสงค์ที่จะมุ่งอบรมจิตใจให้คนไทยรู้จักรักชาติมีมนุษยธรรม มีความเสียสละ
สามัคคี และมีความกตัญญู
เมื่อกิจการของเสือป่าเจริญก้าวหน้ามั่นคงดีแล้วพระองค์จึงทรงพระราชดำริว่า
ควรจะได้มีการอบรมของเสือป่าด้วย ดังนั้นในวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๔
จึงมีพระบรมราชโองการจัดตั้งลูกเสือขึ้นในประเทศไทยนับเป็นประเทศที่ ๓
ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา จากนั้นนานาชาติในยุโรปจึงจัดตั้งกองลูกเสือของตนขึ้น
ลูกเสือกลายเป็นองค์การสากลและมีความสัมพันธ์กันทั่วโลก
เป็นสื่อผูกมิตรไมตรีกันโดยใช้กฎของลูกเสือ ๑๐ ประการ
ผูกสัมพันธ์กันไม่เว้นเชื้อชาติใด ศาสนาใดทั้งสิ้น
ถือว่าลูกเสือทั่วโลกเป็นพี่น้องกันหมด
ลูกเสือกองแรกของไทยตั้งขึ้นที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงเรียก
"ลูกเสือกรุงเทพฯ ที่ ๑" ต่อมาขยายตัวออกไปจัดตั้งที่โรงเรียนหรือสถานที่ใดสุดแต่สภากรรมการคณะลูกเสือแห่งงชาติจะเห็นสมควร
เด็กที่จะเป็นลูกเสือจะต้องทำพิธีเข้าประจำกอง
กล่าวคำปฏิญาณตนตามคำมั่นสัญญานั้น
พระองค์ผู้ทรงให้กำเนิดลูกเสือได้พระราชทานคำขวัญไว้ว่า "เสียชีพอย่าเสียสัตย์"ในสมัยนั้นกิจการลูกเสือไทยเลื่องลือไปยังนานาชาติว่า "พระเจ้าแผ่นดินสยามทรงใฝ่พระทัยในกิจการลูกเสือเป็นอย่างยิ่ง"
ถึงกับกองลูกเสือที่ ๘ ของประเทศอังกฤษ
ได้มีหนังสือขอพระราชทานนามนามลูกเสือกองนี้ว่า "กองลูกเสือในพระบาทสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินสยาม"
พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ตามความประสงค์
ลูกเสือกองนี้ติดเครื่องหมายช้างเผือกที่แขนเสื้อทั้งสองข้างและยังปรากฏอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตแล้ว
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟื้นฟูอีก
โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีการชุมนุมลูกเสือแห่งชาติขึ้นครั้งแรกในบริเวณพระราชอุทยานสราญรมย์เมื่อ
พ.ศ. ๒๔๗๐ จากนั้นได้จัดให้มีการอบรมลูกเสืออีกหลายรุ่นกระทั่งถึงปี
พ.ศ.๒๔๗๕ เป็นปีสุดท้ายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว กิจการลูกเสือได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วย
สมัยนั้นได้ช่วยบำเพ็ญประโยชน์แก่ข้าราชการ ทหาร ในการปราบจราจล
รัฐบาลจึงจัดตั้งหน่วยยุวชนทหารฝึกวิชาทหารขึ้นโดยรับเด็กที่ได้เป็นลูกเสือมาแล้ว
ส่วนกิจการลูกเสือก็ขยายให้กว้างขวางขึ้น
มีการจัดตั้งกองลูกเสือเหล่าเสนาและลูกเสือเหล่าสมุทรเสนาขึ้นโดยฝึกร่วมกับยุวชนทหารการลูกเสือจึงซบเซาลงบ้างในยุคนี้ ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ทางราชการได้ฟื้นฟูกิจการลูกเสืออีกครั้ง
มีการจัดชุมนุมของลูกเสือแห่งชาติ
ส่งเจ้าหน้าที่ในกองการลูกเสือไปเข้ารับการฝึกอบรมวิชาลูกเสือตามมาตรฐานสากล
และตามแบบนานาประเทศตามลำดับ
มีพระราชบัญญัติลูกเสือใช้บังคับโดยคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติเป็นผู้บริหาร
วัตถุประสงค์ของขบวนการลูกเสือได้รับการปรับปรุงและเน้นให้เห็นชัดเจนรัดกุมยิ่งขึ้น
มีความว่า "คณะลูกเสือแห่งชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาลูกเสือทั้งทางกาย สติปัญญา
จิตใจ และศีลธรรม ให้เป็นพลเมืองดี
มีความรับผิดชอบสร้างสรรค์สังคมให้มีความเจริญก้าวหน้า
เพื่อความสุขและความมั่นคงของประเทศชาติ" แม้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจะทรงสวรรคตแล้วก็ตาม
พระราชอนุสรณ์กิจการลูกเสือของพระองค์ท่านได้พัฒนารุ่งเรืองมาตามลำดับจนเป็นกิจการที่สร้างคุณประโยชน์สร้างชื่อเสียงของประเทศให้ขจรขจายเป็นที่รู้จักของนานาประเทศทั่วโลก
และเพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ท่าน ทางราชการจึงได้กำหนดวันที่ ๑
กรกฎาคมของทุกปีเป็น "วันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ" หรือ "วันลูกเสือ"
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ
๑. ทำบุญใส่บาตร
เพื่ออุทิศเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านผู้ให้กำเนิดลูกเสือแห่งประเทศไทย
๒. จัดนิทรรศการ เผยแผ่
ประวัติความเป็นมาของลูกเสือและผลงานต่างๆ
๓. ร่วมกิจกรรมต่างๆในวันลูกเสือ เช่น
การนำพวงมาลาไปถวายบังคมที่พระบรมรูปฯ สถานพระบรมราชานุสรณ์
หรือที่ที่ทางราชการกำหนด
๔.
เข้าร่วมกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่างๆ
บรรณานุกรม วรนุช อุษณกร. ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๔๓.
ธนากิต เรียบเรียง. วันสำคัญไทย. พิมพ์ครั้งแรก.กรุงเทพฯ
: ปิรามิด, ๒๕๔๑.
ภาพประกอบ
http://racha.coolfreepage.com/
http://school.obec.go.th/taponnoi/ ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|