
พ่อขุนเม็งรายเป็นโอรสของพระเจ้าลาวเมงแห่งราชวงค์
ลวจักราชผู้ครองหิรัญนครเงินยาง
กับพระนางอั้วมิ่งจอมเมืองหรือพระนางเทพคำขยาย
ราชธิดาของเท้ารุ่งแก่นชาย
เจ้าเมืองเชียงรุ้งพระองค์ประสูติเมื่อวันอาทิตย์
แรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีกุนเอกศกจุลศักราช 601
ตรงกับพ.ศ.1781 ในปีพ.ศ.1819 พ่อขุนเม็งรายได้ยกทัพไปประชิดเมืองพะเยา พ่อขุนงำเมือง
ผู้ครองเมืองพะเยาออกมารับเสด็จด้วยไมตรีแล้วยกตำบลบ้านปากน้ำให้แก่พ่อขุนเม็งรายแล้วปฏิญาณเป็นมิตรกัน
ต่อมาอีกราว 4 ปี พ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย พ่อขุนงำเมืองและพ่อขุนเม็งราย ได้กระทำสัตย์ปฏิญาณเป็นพระสหายกัน
โดยทรงเอาโลหิตที่นิ้วพระหัตถ์ผสมกับน้ำสัตย์เสวยทั้งสามพระองค์ สัญญาว่าไม่เบียดเบียนกันตลอดชีวิต
และในปี พ.ศ.1834 พ่อขุนเม็งรายได้เสด็จไปสร้างเมืองใหม่ที่เชิงดอยสุเทพ ใช้เวลาสร้างนาน 5 ปี ในปี พ.ศ.1839 จึงเสด็จและสถาปนานครแห่งนี้ว่า
"เชียงใหม่"
พ่อขุนเม็งรายทรงประสูติมาเพื่อเป็นผู้กอบกู้และรวบรวมชาวไทยให้เป็นกลุ่มเป็นก้อน
เพื่อระงับทุกข์เข็ญต่างๆ
ในแผ่นดินและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดขึ้นในแคว้นลานนาเป็นเอนกประการ
พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์โดยสังเขปมีดังนี้
1.ทรงสร้างเมืองเอกในแว่นแคว้นถึง 3 เมืองได้แก่ เมืองเชียงราย เมื่อ พ.ศ.1805 เมืองกุมกาม ( ปัจจุบันคืออำเภอสารภีจังหวัดเชียงใหม่ ) พ.ศ.1829
เมืองเชียงใหม่ พ.ศ.1834 นอกจากนั้นพระองค์ได้ทรงบูรณะเมืองหิรัญนครเงินยาง ในปี พ.ศ.1811
ได้บูรณะเมืองฝาง เพื่อใช้เป็นที่ชุมนุมไพร่พลของพระองค์ (ซึ่งแต่เดิมเมืองฝางตกเป็นเมืองขึ้นของเมืองหิรัญนครเงินยางมาก่อน)
และโปรดให้ขุนอ้ายเครือคำลก หรือขุนเครื่อง ราชโอรสองค์ใหญ่ไปครองเมืองฝาง
2.ทรงแผ่พระเดชาในทางการรบ กล่าวคือหลังจากได้ส่งกองทัพไปปราบเมืองมอบ
เมืองไร และเมืองเชียงคำไปแล้วในปี พ.ศ.1824
ตีเมืองหิริภุญชัยจากพระยายีบาได้สำเร็จดินแดนภาคเหนือทั้งหมด
พ่อขุนเม็งรายได้ครอบครองโดยทั่วอาณาจักรลานนาในรัชสมัยของพระองค์มีอาณาเขตกว้างไกล ดังนี้
ทิศเหนือ จดสิบสองปันนา
ทิศใต้ จดอาณาจักรสุโขทัย
ทิศตะวันออก จดแคว้นลาว
ทิศตะวันตก จดแม่น้ำสาละวิน
3.ทรงนำความเจริญในด้านศิลปกรรรม
และพาณิชยกรรมมาสู่แคว้นลานนาโดยเมื่อครั้งที่ยกทัพไปตีเมืองพุกาม
พระองค์ได้นำช่างฝีมือต่างๆ เช่น ช่างฆ้องช้าง ช่างทอง และช่างเหล็ก
ชาวพุกามเข้ามาฝึกสอนชาวลานนาไทย เพื่อให้เข้าใจในศิลปวัฒนธรรมต่างๆ
ทรงจัดหาทำเลที่เหมาะสมในการเกษตรและการค้าเพื่อให้มีอาชีพทั่วหน้า
พระองค์ทรงพระปรีชาในด้านการปกครองด้วยเช่นกัน
ได้แก่การวางระเบียบการปกครองหรือกฎที่ทรงตั้งขึ้นไว้เป็นพระธรรมศาสตร์
ใช้ในการปกครองแผ่นดิน เรียกว่า "กฎหมายมังรายศาสตร์"
เพื่อให้ลูกขุนใช้เป็นบรรทัดฐานในการพิจารณาในการพิพากษาผู้กระทำผิด
สมควรแก่โทษานุโทษ
4.ทรงเป็นนักปกครองที่สามารถ
และประกอบด้วยคุณธรรมสูงส่ง พ่อขุนเม็งรายทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
โดยเป็นองค์ศาสนูปถัมภก และทรงนำหลักธรรมทางศาสนามาใช้ในการปกครองราษฎรของพระองค์ได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขมีศีลธรรมอันดี
มีความโอบอ้อมอารีย์
แม้ว่าพระองค์ทรงเป็นนักรบผู้แกล้วกล้าแต่การใดที่เป็นทางนำไปสู่ความหายนะเป็นเหตุให้เสียเลือดเนื้อระหว่างคนไทยด้วยกัน
พระองค์ทรงหลีกเลี่ยง
ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรงรับไมตรีจากเจ้าผู้ครองนครต่างๆ และการกระทำสัตย์ปฏิญาณระหว่างสามกษัตริย์
เจ้าขุนครามหรือพระเจ้าไชยสงคราม พระราชโอรสของพญามังรายได้ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่
หลังจากที่พญามังรายได้สวรรคต
เจ้าขุนครามได้โปรดให้สร้างกู่บรรจุอัฐิของพระบิดาไว้ ณ
บนดอยงำเมือง
นอกจากบนวัดงำเมืองจะมีกู่พ่อขุนเม็งรายแล้ว
ยังมีอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชขนาดเท่าครึ่งตัว ประทับนั่งบนบัลลังก์
ทรงเครื่องทรงแบบเดียวกับอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราชบริเวณห้าแยก
ทรงถือดาบด้วยพระหัตถ์ทั้งสองข้าง
วางบนพระเพลา
ทั้งสองสิ่งนี้เป็นที่นับถือของประชาชนชาวเชียงราย
และผู้นับถือท่านอีกแห่งหนึ่งด้วย
 อ้างอิง
http://www.chiangrai.ru.ac.th/
ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|