รัฐบาลได้ทำการส่งเสริมทางด้านการกีฬาของไทยด้วยดีเสมอมา
เพราะตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของการเล่นกีฬาว่า
นอกจากจะเป็นการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงสดชื่นมีพลานามัยที่ดีแล้ว การกีฬายังเป็นเครื่องช่วยผ่อนคลายความเครียด
ช่วนปรับปรุงในด้านความคิดและอุปนิสัยให้ประชาชนในชาติ
เป็นผู้มีความเสียสละ รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย และมีความสามัคคีต่อกัน
ประวัติความเป็นมาของวันกีฬาแห่งชาติ
เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๙
เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแหลมทองครั้งที่
๔ ณ กรุงเทพมหานคร และทรงได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาเรือใบประเภท โอ.เค. และสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถได้เป็นผู้ทูลเกล้าฯ
ถวายเหรียญรางวัลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ซึ่งประทับยืนบนแท่นรางวัลร่วมกับนักกีฬาที่ชนะที่ ๒ และที่ ๓
ในพิธีปิดการแข่งขัน ณ สนามศุภชลาศัย
ซึ่งประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแหลมทอง
ครั้งที่ ๔ ในระหว่างวันที่ ๖ - ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ จึงถือได้ว่าในวันที่
๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๙
เป็นวันประวัติศาสตร์ทางการกีฬาาที่จะได้เทิดพระเกียรติและรำลึกถึง
พระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นนักกีฬาตัวแทนของชาติไทย
ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง
และเป็นวันสิริมงคลแก่บุคคลในวงการกีฬาทั้งมวลที่จะได้ถือเป็นนิมิตหมายอันดีของการกีฬาของชาติ
คณะกรรมการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๒๙ เมื่อวันที่
๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๙ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย
และเพื่อเป็นการกระตุ้นเร่งเร้าและเผยแพร่ให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญและคุณค่าของการกีฬา
จึงมีมติเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบให้กำหนดวันที่ ๑๖ ธันวาคม เป็นวันกีฬาแห่งชาติ
นอกเหนือจากกีฬาเรือใบแล้ว
แบดมินตันก็เป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดมากเช่นกัน
ในหอประชุมพระราชวังจิตรลดาฯ ปรับแต่งเป็นสนามแบดมินตันมาตรฐาน พระองค์จะทรงแบดฯ ส่วนมากจะเป็นตอนเย็นของวันศุกร์
และเช้าวันอาทิตย์
พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทางการกีฬานี้
เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลกว่า
พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริงและทรงสนับสนุนพีฬาจนเป็นที่ปรากฏชัด
ดังนั้นในการประชุมใหญ่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล ครั้งที่ ๒๙
ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีนายฮวน อันโตนีโอ ซามาร้านซ์
ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล เป็นประธานการประชุมพร้อมทั้งสมาชิกเข้าร่วมการประชุมอีก ๘๗ ประเทศ
ได้มีมติเอกฉันท์ให้ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญดุษฎีกิตติมศักดิ์ ของโอลิมปิกสากล
คือ "อิสริยาภรณ์โอลิมปิกชั้นสูงสุด"
(ทอง) แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐
ณ ศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน นับเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของโลก
ที่ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญโอลิมปิกชั้นสูง
ประวัติกีฬาแห่งชาติ
"กีฬาแห่งชาติ" ได้วิวัฒนาการมาจากกีฬาเขต
ซึ่งมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ได้มีพระบรมราชโองการ
โปรดเกล้าให้ตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๗ โดยการแข่งขัน กีฬาเขต
ได้ริเริ่มขึ้นพร้อมๆ กับการ ก่อตั้งองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทย
ซึ่งได้วางโครงการในอันที่จะขยายการส่งเสริมกีฬาออกไปให้ทั่วราชอาณาจักรด้วยการ
จัดการแข่งขันระหว่างจังหวัดภายในภาคต่างๆ ของประเทศขึ้นพร้อมกัน
แต่โดยที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการ
แข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ ๕ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๐๙
ซึ่งโดยปกติจะต้องใช้เวลาเตรียมการประมาณ ๓-๔ ปี
และองค์การส่งเสริมกีฬาแห่งประเทศไทยต้องรับภาระในด้านธุรการของงานครั้งนั้น จึงทำให้โครงการจัดการแข่งขันกีฬาเขต
ต้องเลื่อนไปโดยไม่มีกำหนดจนกระทั่งเสร็จสิ้นการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่
๕ จึงเริ่มดำเนินการใหม่ความคิดในอันที่จะรวบรวมกีฬาทั่วประเทศ
รวมทั้งการขยายการส่งเสริมกีฬาออกไปให้ทั่วถึงด้วยวิธีการ
จัดการแข่งขันเป็นระดับจังหวัดและภาคนี้ ได้ทวีมากขึ้นเมื่อสิ้นการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ ๕
อันเป็นระยะที่ประชาชนได้ให้ความสนใจแก่การกีฬาอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว
คณะกรรมการองค์การส่งเสริมการกีฬาแห่งประเทศไทยจึงได้หยิบยกโครงการนี้ ขึ้นมาพิจารณาใหม่อย่างจริงจัง และในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๑๐
ได้มีมติยืนยันที่จะจัดการแข่งขันกีฬาภาคขึ้น เป็นงานประจำปีกำหนดวันที่ ๙
ธันวาคม อันถือได้ว่าเป็นวันที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์การกีฬาของไทย
โดยเป็นวันที่เปิดการแข่งขันเอเชี่ยเกมส์ครั้งที่ ๕ ที่กรุงเทพฯ เมื่อปี
๒๕๐๙ ในขึ้นปฏิบัติการได้มีความเห็นว่าเพื่อเป็นการประหยัด
และเริ่มต้น ควรจัดการแข่งขันที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย ๔-๕ ประเภทก่อน
เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล แบดมินตัน ลอนเทนนิส
และได้มีการวางแผนในรายละเอียดรวมทั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ขึ้นพร้อมที่จะปฏิบัติการได้ในเดือนธันวาคม ๒๕๑๐
ตามแผนการขั้นแรกนี้ องค์การฯ ได้จัดกลุ่มจังหวัดใกล้เคียงขึ้นในภาคสมมติ ๕
ภาค คือ ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้
และจะได้ขอให้จังหวัดต่างๆ
ที่อยู่ในภาคหนึ่งเลือกจังหวัดศูนย์กลางหรือจังหวัดหัวหน้าภาคกันเอง
จังหวัดหัวหน้าภาคนี้ จะเป็นตัวแทนจังหวัดอื่นๆ จัดการแข่งขันกีฬาระหว่างจังหวัดภายในภาค
เพื่อให้ได้นักกีฬาผู้แทนของภาคนี้ขึ้นไว้ องค์การฯ
จะเป็นฝ่านนำนักกีฬาของภาคไปแข่งขันชิงชนะเลิศที่กรุงเทพฯ ต่อไป
วัตถุประสงค์ของการจัดงานวันกีฬาแห่งชาติ
๑.
เพื่อเทิดพระเกียรติและน้อมระลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ
ในฐานะที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย โดยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ ๔ ณ กรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ. ๒๕๑๐
และทรงได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันแรือใบประเภท โอ.เค.
๒. เพื่อให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยเห็นความสำคัญและคุณค่าของการกีฬา
การออกกำลังกาย และมีส่วนร่วมในกิจกรรมกีฬามากยิ่งขึ้น
๓. เพื่อชักจูงให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกีฬาทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
ตลอดจนหน่วยงานต่างๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเล่นกีฬา
และให้การสนับสนุนการกีฬา
๔. เพื่อเป็นการจัดหาทุนในการส่งเสริมและดำเนินกิจกรรมกีฬาของชาติ
๕. เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมการคืนสู่เหย้าของนักกีฬาในอดีตและปัจจุบันงานวันกีฬาแห่งชาติ ซึ่งจัดโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
เพื่อน้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และเพื่อประกาศเกียรติคุณแก่เหล่านักกีฬา และเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ
คัดลอก, อ้างอิง
วรนุช อุษณกร.ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ:โอเดียนสโตร์,๒๕๔๓
วันสำคัญของไทย.ธนากิต.กรุงเทพฯ:ชมรมเด็ก,2541
http://www.navy.mi.th
ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|