คำขวัญพระราชทานวันแม่แห่งชาติ ปี 2566

รักของแม่หนักแน่นกว่าหินผา      และอ่อนนุ่มเกินกว่าผืนผ้าไหม
อบอุ่นอ่อนโยนกว่าสิ่งใด      ลูกทำดีด้วยใจประกาศรัก

จาก สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 


          "... ข้าพเจ้ายังจำติดใจได้เสมอถึงคำปฏิญาณของท่านทั้งหลาย ที่เคยกล่าวต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ต่อข้าพเจ้า คำปฏิญาณสาบานตนประการต่างๆ  ของหมู่คณะของท่านทั้งหลายนั้น มีใจความสำคัญตรงกันอยู่ประการหนึ่งคือ จะมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะร่วมกันปกป้องบ้านเมืองของเราให้อยู่รอดปลอดภัย ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลาย ถือคำปฏิญาณนี้เป็นสัจจะวาจา เป็นพลังที่พร้อมจะปกป้องบ้านเมืองของเรา ขออย่าให้ท่านทั้งหลายเป็นพลังเงียบเฉยๆ ต่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้นต่อบ้านเมือง ... "

          "... ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์และนึกไม่ออกด้วยว่าจะยุยงให้ท่านทั้งหลายลุกขึ้นมาจับอาวุธและเที่ยวไล่ฆ่าใคร ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะพวกเราเป็นประชาชนชาวไทย เราไม่ได้มีหน้าที่ที่จะถืออาวุธที่จะคอยปราบปราม แต่ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าอยู่นิ่งเฉยๆ การอยู่นิ่งของท่านบางครั้งก็เป็นอันตรายอย่างมากต่อประเทศชาติ เราต้องแสดงให้เห็น คนไทยทั้งหลายซึ่งเป็นเจ้าของประเทศไทยที่งดงามสมบูรณ์ทุกอย่าง ต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเรารู้สึกถึงภัยที่มีต่อประเทศชาติ  ให้รู้สึกถึงจิตใจเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ทางภาคใต้ ซึ่งประสบชะตากรรมไม่เว้นแต่ละวัน นานนับเป็นปีแล้ว 

ข้าพเจ้าคิดว่าหน้าที่ของคนไทยทั้งแผ่นดินที่จะทำ ปกป้องทั้งแผ่นดิน โดยที่ไม่ได้เบียดเบียนเกะกะ ถืออาวุธไล่ฆ่าฟันกันอย่างนั้นเลย เพียงแต่รู้สึกห่วงใยประเทศชาติและพร้อมใจกันส่งเสียงประณามการกระทำเหล่านี้สามารถทำได้ ว่าการกระทำเหล่านี้ไร้มนุษยธรรม ให้ผู้ที่มีจิตใจอำมหิตเหล่านั้นได้รู้ว่าพวกเราคนไทยยอมไม่ได้กับการเข่นฆ่าและการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ...."

          "... อย่างที่ข้าพเจ้าพูด ขอย้ำอีกอย่างว่าไม่ได้มีเจตนาและเห็นว่าทำไม่ถูกด้วย ในการที่จะถืออาวุธแล้วไปเที่ยวปะทะกับ พวกเหล่าศัตรูที่คิดร้ายต่อประเทศไทยก็ตาม อันนั้นก็ไม่ใช่วิธีที่เราควรทำ วิธีที่เราควรทำอย่างถูกต้อง ซึ่งชื่อเสียงของคนไทยในด้านความกล้าหาญและเมตตาและพร้อมเพรียงสามัคคีกันไว้แล้วในคราวสึนามิ คำประณามของท่านต่อบุคคลที่อำมหิตเหล่านั้นได้ผล จะไปไกลทั่วโลก ว่าคนอำมหิตเหล่านี้รังแกคนไทยที่ประกอบสัมมาอาชีพอย่างบริสุทธิ์ แล้วมารังแกอยู่เช่นนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าทำได้ 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านลองไปคิดเอง ปรึกษากันว่าถึงเวลาหรือยัง ควรหรือยัง ที่เราจะพร้อมใจกัน ร่วมกัน รวมหัวกัน พร้อมกันไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย เงียบเฉย ระเบิดตูมหรือเกิดอะไรขึ้นก็เฉยอย่างเดียว มอบให้เป็นงานของรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ เราทำเช่นนั้นไม่ได้ เราควรจะร่วมหัวกัน ร่วมมือกัน ร่วมใจช่วยคุ้มครองประเทศไทยโดยไม่ต้องถืออาวุธ เป็นพลังที่ถูกต้อง แสดงความคิดเห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่อำมหิตโหดร้าย ตัดสิทธิมนุษยชน .... "

          "... เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนไทยทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีความหวังอย่างมากที่เชิญมา เพราะเป็นผู้ที่ออกปากสาบานมาแล้วว่าจะตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หวังว่าท่านจะสามัคคีปรองดอง พร้อมใจกันตอบแทนพระคุณแผ่นดิน เพื่อสร้างประเทศไทยที่น่าอยู่ไว้ให้ลูกหลานไทยสืบไป .... "

พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินลง ณ ศาลาดุสิตาลัย พระราชทานวโรกาสให้คณะลูกเสือชาวบ้าน, สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ, สมาชิกราษฎรอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง, สมาชิกกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ, สมาชิกราษฎรพิทักษ์ป่า และสมาชิกราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท 
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2548

   
ปรับปรุงล่าสุด สิงหาคม 2558   อ้างอิง : หนังสือพิมพ์มติชน