ภาพพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ถ.หน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ |
ในราวคริสต์ศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ ทางด้านซีกโลกตะวันตก
ได้มีการตื่นตัวในด้านการเก็บรวบรวม และสะสมทรัพย์สมบัติ และมรดกต่างๆ
ทั้งที่เป็นวัตถุ สิ่งของมีค่า สิ่งเก่าแก่ ที่หายากและแปลกๆ
เพื่อเป็นหลักฐานทางมรดกวัฒนธรรมของชาติอันเป็นการแสดงถึงความเป็นใหญ่และความมั่งคง
ของเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่เด่นชัด
ซึ่งเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมนั้น
จะปรากฏขึ้นได้ก็ต่อเมื่อชาตินั้นๆ
ได้มีการรวบรวมหลักฐานที่เป็นศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ
สิ่งประดิษฐ์จากการคิดค้นหรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นสมบัติของชาติ
มาประมวลเป็นหลักฐาน ให้ชีวิตของชนในชาตินั้นได้
สำหรับในประเทศไทยนั้น
ผู้ริเริ่มดำเนินการรวบรวมวัตถุสิ่งต่างๆ เป็นคนแรกได้แก่
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้มีการจัดพิพิธภัณฑสถานส่วนพระองค์ ที่พระที่นั่งราชฤดีเป็นครั้งแรก
ซึ่งเป็นที่จัดตั้งแสดงสิ่งสะสมในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ที่ทรงรวบรวมไว้ตั้งแต่ครั้งก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์
ซึ่งต่อมาได้ย้ายมาจัดแสดงที่พระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์
อันเป็นที่มาของคำว่า "พิพิธภัณฑ์ "ในเวลาต่อมา
เมื่อมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพราะจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการจัดตั้ง"มิวเซียม"
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชนแห่งแรกขึ้น ณ วันที่ ๑๙ กันยายน
พ.ศ.๒๔๑๗
|
ต่อมาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานหมู่พระที่นั่งทั้งหมด ในพระราชวังบวรสถานมงคล
จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์สถานสำหรับพระนครดูแลด้านโบราณคดี วรรณคดี
เป็นที่รวบรวมสงวนรักษาโบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุ
ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติพิพิธภัณฑสถานพระนคร
ได้มีการเปลี่ยนชื่อและหน่วยงานที่สังกัด อีกหลายครั้ง จนกระทั่ง
ได้มีพระรบกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมศิลปากร กระทรวงศึกษาที่การพุทธศักราช
๒๕๑๘
จัดตั้งกองพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เส้นทางพิพิธภัณฑสถานไทย
ที่เริ่มต้นจากพิพิธภัณฑสถานส่วนพระองค์
ได้เปลี่ยนแปลงมาสู่พิพิธภัณฑสถานประชาชน
และพัฒนาต่อไปจากพิพิธภัณฑสถานที่เก็บรักษาสรรพสิ่งทั่วไป
ไม่กำหนดประเภทแน่นอน มาเป็นพิพิธภัณฑสถานมากมายหลายประเภท
ตามลักษณะของศิลปวิทยาการที่เกอิดขึ้นในโลก ทั้งทางศิลปะวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชาติพันธุ์วิทยา สังคมวิทยา
และสาขาวิชาอื่นๆ เป็นจำนวนหลายร้อยแห่งทั่วประเทศ
และยังได้ยกระดับกิจการพิพิธภัณฑ์ไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล
โดยเข้าเป็นสมาชิกสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ หรือ ICOM
ซึ่งให้คำจำกัดความว่า "พิพิธภัณฑ์" ว่ามิใช่เป็นแหล่งเก็บรวบรวม
สงวนรักษาศึกษาวิจัย
และจัดแสดงเฉพาะวัตถุเท่านั้นแต่พิพิธภัณฑ์ไดัรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นหลักฐานสำคัญต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งที่เกี่ยวเนื่องกับสังคมวัฒนธรรม
และวิทยาศาสตร์ จากหลักฐานในอดีต สิ่งที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน
และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยนัยนี้พิพิธภัณฑสถานในประเทศไทยได้จัดตั้งขึ้นแล้วกว่า
๒๐๐ แห่ง
และได้มีการพัฒนารูปแบบกิจการให้มีความเป็นสถาบันการศึกษานอกรูปแบบที่สำคัญอีกด้วยด้วย
เหตุนี้รัฐบาลจึงประกาศให้วันที่ ๑๙ กันยายนของทุกปีเป็นวันพิพิธภัณฑ์ไทย
นับตั้งแต่ พ.ศ ๒๕๓๘ เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นวันที่คนไทยทั้งชาติ
ได้รับพระราชทานพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนเป็นครั้งแรก
จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ
๒๔๑๗ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระองค์ท่าน
และเพื่อปลูกฝังให้คนไทยรัก และหวงแหนในศิลปวัฒนธรรมอันเป็นสิ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยในวันพิพิธภัณฑ์ไทย พิพิธภัณฑสถานต่างๆ ทั่วประเทศได้ร่วมกันเปิด
พิพิธภัณฑสถานให้ประชาชนทั่วไป
ได้มีโอกาสเข้าไปชมศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติเพื่อสร้างความรักความเข้าใจ
ตลอดจนภูมิใจในความเป็นไทยโดยทั่วกัน
บรรณานุกรม
วรนุช อุษณกร. ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๔๓. ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|