
 |
โรคเบาหวานถูกจัดให้เป็นสาเหตุของการตายเป็นอันดับ ๓
ของโรคไม่ติดเชื้อที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
โรคแทรกซ้อนที่สำคัญของผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นสาเหตุของการตาย คือ โรคไตวาย
โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน นอกจากนี้ผู้ป่วยเป็นเบาหวานมีโอกาสตาบอด
เนื่องจากจอประสาทตาเสื่อมสูงกว่าคนปกติถึง ๒๕
เท่า และมีโอกาสถูกตัดขาด
เนื่องจากเกิดแผลตายเน่าที่เท้ามากกว่าคนปกติถึง ๔๐ เท่า
มีประชากรกว่า ๑๐๐ ล้านคนทั่วโลกป่วยเป็นโรคเบาหวาน
โดยเฉพาะในเอเชีย มีจำนวนถึง ๕๐ ล้านคน
ทำให้แต่ละประเทศต้องใช้งบประมาณด้านสาธารณสุขประมาณ ๕% ต่อปี
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาดูแลเบาหวานซึ่งโดยทั่วไปแล้วไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับยารักษาโรคเบาหวาน
แต่เป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมรักษาโรคแทรกซ้อนจากเบาหวาน เช่น
โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคไตวาย การฟอกไต การเปลี่ยนไต โรคอัมพาต ตาบอด
รวมทั้งการที่ต้องถูกตัดขา เนื่องจากโรคเบาหวาน
ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก
ดังนั้นองค์การอนามัยโลกและสมาพันธ์โรคเบาหวานนานาชาติ
จึงจัดให้มีวันเบาหวานโลกขึ้นเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๙๑
และกำหนดให้วันที่ ๑๔ พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันเบาหวานโลก
เพื่อให้องค์กรสาธารณสุขทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและควบคุมโรคเบาหวาน
โดยชักชวนให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลกจัดกิจกรรมส่งเสริม สนับสนุน
ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกัน
ควบคุมและรักษาโรคเบาหวานให้กับประชาชนทั่วไป |
สำหรับโรคเบาหวานในประเทศไทยนั้น
จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า
อัตราการตายของผู้ป่วยโรคเบาหวานสูงขึ้นตามลำดับ
โดยในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ พบว่ามีผู้ป่วยโรคเบาหวานตาย ๓,๕๘๓ คน สูงขึ้นเป็น ๒
เท่าของปี พ.ศ. ๒๕๓๑ และในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ มีผู้เสียชีวิตจากโรคไตวาย รวม
๔,๖๔๑ คน

ผู้มีอาการผิดปกติที่น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคเบาหวาน คือ
ผู้ที่มีอาการปัสสาวะบ่อย และมีปริมาณมาก กระหายน้ำ ดื่มน้ำบ่อย
กินจุแต่ผอมลง น้ำหนักลดและอ่อนเพลียผิดปกติ เป็นแผลฝีหายยาก
คันผิวหนังและอวัยวะสืบพันธุ์ ตาพร่ามัว
ผู้ที่เป็นเบาหวานสามารถรักษาและควบคุมไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้โดยการควบคุมอาหาร
และควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ ควรน้อยกว่า ๑๔๐
มิลลิกรัม/เดซิลิตร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
บางรายอาจต้องรับประทานยาหรือฉีดอินซูลินภายใต้การดูแลของแพทย์
สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดอินซูลิน
ในปัจจุบัน (ข้อมูลเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๔๘) ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาอุปกรณ์การฉีดอินซูลินให้ทันสมัยขึ้น
โดยใช้ปากกาฉีดอินซูลิน (NovoPen) แทนกระบอกฉีดยา
ซึ่งเป็นทางเลือกในการฉีดอินซูลินที่ง่าย สะดวก ขนาดยาที่ได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น
ทั้งยังเจ็บน้อยมากขณะฉีดยา
อีกทั้งสามารถพกพาอินซูลินไปฉีดตามสถานที่ต่างๆ
ได้
โดยไม่ต้องแช่เย็นทำให้การฉีดยาไม่เป็นปัญหากับผู้ป่วยอีกต่อไป
ทำให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมและดูแลเบาหวานได้ดีขึ้น

บรรณานุกรม
วรนุช อุษณกร. ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์, ๒๕๔๓.
http://www.ram-hosp.co.th/books/5dm.htm
ภาพจาก http://www.bangkokhealth.com/dm_htdoc/dm_health_detail.asp?Number=9409
ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|