|

วันที่ 5 มีนาคมถือว่าเป็น "วันนักข่าว"
ซึ่งถือกำเนิดมาจากวันที่นักข่าวรุ่นบุกเบิกหลายท่านได้ร่วมชุมนุมกันก่อตั้งสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยขึ้นมาเมื่อ 48 ปีที่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นหนังสือพิมพ์ทั้งหลายต่างให้ความสำคัญกับ "วันนักข่าว"
กันเป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นวันหยุดการทำงานของบรรดากระจอกข่าวทั้งหลายจะเป็นที่ทราบกันดีว่าวันที่
6 มีนาคม ของทุกปีจะไม่มีหนังสือพิมพ์ออกมาขาย
ต่อมาเมื่อความต้องการในข่าวสารมีมากขึ้นชาวนักข่าวทั้งหลายได้มีการแอบออกหนังสือพิมพ์มาขายในวันที่
6 มีนาคม ทำให้หนังสือพิมพ์อื่นจำใจต้องเลิกประเพณีนี้ไป เมื่อวันที่ 5
เป็นวันหยุดของนักข่าว สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยจึงกำหนดให้วันที่ 4
มีนาคมของทุกปี เป็นวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี
เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้จัดเฉลิมฉลองกันได้อย่างเต็มที่
ในการจัดงานประชุมใหญ่และงานเลี้ยงสังสรรค์ประจำปี
แต่เดิมได้จัดที่บริเวณถนนราชดำเนินซึ่งบรรดาเหยื่อข่าวได้มาพบปะสังสรรค์กันที่ริมฟุตบาทถนนราชดำเนิน
เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาจำนวนสมาชิกของสมาคมได้เพิ่มมากขึ้น
ประกอบกับถนนราชดำเนินได้เป็นถนนสายหลัก
ที่มีผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นจำนวนมากสถานที่ของสมาคมจึงคับแคบและการจัดงานของสมาคมยังสร้างความเดือดร้อนให้แก่บุคคลที่สัญจรไปมา
การจัดการประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมจึงต้องย้ายสถานที่ไปตามโรงแรมต่างๆ
ต่อมาเมื่อสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยรวมเข้ากับสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยกลายเป็น
"สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย"
เมื่อ 3 ปี
ที่ผ่านมาแต่ยังคงกำหนดให้วันที่ 4 มีนาคม เป็นวันประชุมใหญ่ประจำปีของสมาคมเช่นเดิม
คณะกรรมการบริหารงานของสมาคมใช้เวลาในการปรับปรุงอาคาร ที่ทำการเดิมของสมาคมนักหนังสือพิมพ์เป็นเวลา 2 ปี
จึงลงมือก่อสร้างและปรับปรุงให้เสร็จสมบูรณ์ไปเมื่อปลายปี 2545 ที่ผ่านมา
อาคารแห่งนี้นอกจากจะเป็นที่ทำการของสมาคมแล้ว ยังเป็น
ที่ทำการขององค์กรด้านวิชาชีพสื่อมวลชลตั้งแต่ระดับชาติไปจนถึงระดับภูมิภาค
เช่น สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สถาบันพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย
เครือข่ายสนับสนุนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย
และเครือข่ายสนับสนุนสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชนในเอเชียอาคเนย์ เป็นต้น
เรียกว่าเป็นศูนย์รวมขององค์กรด้านวิชาชีพสื่อสารมวลชนไทย
ปัจจุบันข่าวสารข้อมูลกำลังกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต
แต่ความจำเป็นดังกล่าวไม่ใช่เพียงเนื้อหาของข่าวเท่านั้น คนหนังสือพิมพ์
หรือนักข่าวก็มีความสำคัญ
ในฐานะคนกลางที่ทำหน้าที่ส่งผ่านข่าวสารที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
ไปยัง ผู้อ่านด้วยเช่นกัน จึงเปรียบเทียบได้กับกระจกที่สะท้อนสังคมในทุกๆ
ด้านไม่เฉพาะเจาะจงเพียงด้านเดียวในแวดวงหนังสือพิมพ์
มีผู้เรียกนักหนังสือพิมพ์หรือนักข่าว
ว่า "ฐานันดรที่ 4" ความหมายโดยนัยแล้วคือ
ผู้ที่มีสถานะแตกต่างจากบุคคลธรรมดาทั่วไป
หรือผู้ที่มีอภิสิทธิ์ในการขีดเขียนเรื่องราวต่างๆ ผ่านสื่อมวลชน
บุคคลบางกลุ่มให้ความเห็นว่าไม่ควรให้ความสำคัญ เพราะนักข่าวควรเป็นบุคคลที่อ่อนน้อมถ่อมตน สมถะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนเพื่อประชาชน เพื่อชุมชนและ
เพื่อประเทศชาติโดยไม่มีการเรียกร้องอะไร ถ้ายังมี " วันนักข่าว " ก็แปลว่าเรายกตนเหนือคนอื่นถึงขนาดประกาศให้มีวันพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ
และในอดีตได้เคยกำหนดให้เป็นวันหยุดด้วย เป็นการให้ความสำคัญจนเกินเหตุ
แต่บุคคลอีกกลุ่มกับให้ความเห็นที่ต่างไปว่า เหตุที่ให้มีวันนักข่าว
และเน้นให้เห็นความสำคัญของวันนี้
ไม่ใช่เป็นการกระทำเพื่อตัวนักข่าวเท่านั้น
สิ่งที่ต้องการคือย้ำให้ทุกฝ่ายตระหนักว่า นักข่าวหรือนักหนังสือพิมพ์นั้น
คือ ผู้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แทนประชาชนในระบอบประชาธิปไตย
เป็นผู้ใช้ปากและใช้หน้ากระดาษแสดงความคิดเห็นแทนประชาชน
เป็นเวลา 20 ปีที่ผ่านมานั้น วันนักข่าวค่อยๆ
แปรโฉมไปสู่ความมีสาระมากขึ้น
โดยเฉพาะที่ได้กำหนดให้เป็นวันหยุดของนักข่าวก็ได้ถูกล้มเลิกไป ปัจจุบัน
"วันนักข่าว"
เป็นวันที่ทำงานตามปรกติของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับมิใช่วันหยุดพักผ่อนอย่างเช่นที่แต่เดิมที่ผ่านมา
ส่วนกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วโดยเฉพาะการประกาศยกย่องหนังสือพิมพ์ หรือนักข่าว
ช่างภาพ ที่มีผลงานดีเยี่ยมสมควรได้รับรางวัล " อิศรา อมันตกุล
ก็ยังคงมีต่อไป
กิจกรรมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่รุ่นพี่นักข่าวผู้ล่วงลับไปก็ยังคงมีอยู่เหมือนแต่เดิมที่ได้จัดทำกันมา

อ้างอิง
สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิหนังสือพิมพ์
http://www.aksorn.com/ ภาพประกอบ
http://www.aksorn.com/event/event_detail.asp?id=72 ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|