|

ความหลากหลายทางชีวภาพ หมายถึง สิ่งมีชีวิตนานาชนิด เช่น พืชและสัตว์
รวมทั้งสิ่งมีชีวิตต่างๆ
ที่มีความแตกต่างกันตามหน่วยของพันธุกรรมและสภาพสิ่งถิ่นที่อยู่อาศัย ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะมีความหลากหลายทางพันธกรรมเป็นสายพันธุ์
ยังถิ่นที่อยู่อาศัยมีความแตกต่างกันมากเพียงใจ
ก็ยิ่งมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดมากขึ้นเพียงนั้นหนังสือ Red Data Books ซึ่งจัดพิมพ์โดยสหพันธ์นานาชาติ
เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติได้บันทึกไว้ว่า
การทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยทำให้สูญเสียสิ่งมีชีวิตไปร้อยละ ๗๓
นอกนั้นก็มีสาเหตุมาจากการนำสิ่งมีชีวิตวัชพืชในหมู่พืช
มลพิษจากสารเคมีจากอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ตลอดจนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติโดยขาดดุล เช่น การล่าสัตว์มากเกินไป การจับปลามากเกินไป
การเก็บเกี่ยวผลผลิตจากป่ามากเกินไป
สิ่งเหล่านี้ล้วนก่อให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสิ้น
และเมื่อมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งสูญหายไปก็จะหายไปชั่วนิรันดร์ เช่น ไดโนเสาร์ เป็นต้น

ประวัติความเป็นมา
เรื่องความหลากหลายทางชีวิภาพจึงได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณากัน
โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (Unites Nation Environment
Programme - UNPE) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ และ UNPE
ได้ตั้งคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชึวิภาพ
(Intergovernmental Committee on the Convention on Biological Diver : ICCBD)
เพื่อมาดำเนินการเตรียมการในการยกร่างอนุสัญญาดังกล่าว
ซึ่งได้รับการรับรองในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕
ณ กรุงไนโรบี ประเทศสาธารณรัฐเคนยา
ต่อมาอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพได้ถูกนำเสนอต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา
(The United Nations Conference on Environment Development : UNCED)
หรือการประชุม The Earth Summit ที่กรุงริโอเดอเจนาโร ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ระหว่างวันที่ ๓ - ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๕
เพื่อให้ที่ประชุมดังกล่าวได้มีการพิจารณาร่วมลงนามและรับรองอย่างเป็นทางการ
ซึ่งขณะนั้นมีประเทศนี้ที่ได้ร่วมลงนามและรับรองทั้งสิ้น ๑๕๗ ประเทศ แต่ในกรณีการให้สัตยาบัน
เพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ
ที่จะมีผลบังคับในทางกฏหมายและมีพันธกรณีผูกมัดที่จะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญานั้น ปรากฏว่า วันที่ ๑๙ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ มี ๑๒๐ ประเทศ
ได้ให้สัตยาบันเพื่อร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาแล้ว คณะผู้แทนไทยที่เข้ารวมประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาระหว่างวันที่
๓ - ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๕ ที่กรุงริโอเดอจาเนโร ประกอบด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
เป็นองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
และผู้แทนส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในการประชุมครั้งนั้นฝ่ายไทยได้ลงนามในอนุสัญญาฯ ดังกล่าว แต่การให้สัตยาบันเพื่อเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ
ที่จะมีผลบังคับในทางกฏหมายและมัพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ นั้น
ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะลงนามให้สัตยาบัน
แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในอนาคตประเทศไทยคงจะให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาฯ ฉบับนี้
โดยการจัดทำกรอบแนวทางการพัฒนาด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ซึ่งเป็นกรอบหนึ่งในด้านการพัฒนาการเกษตร
ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๘ นั้น
ได้มีการบรรจุเรื่องการจัดการปัญหาดูแลรักษาในเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพไว้ด้วยแล้วที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ได้มีมติให้วันที่ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี
เป็นวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ (International Day for Biological
Diversity)
เพื่อให้มีการรำลึกถึงวันที่อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเริ่มมีผลบังคับใช้ขณะนี้ประเทศต่างๆ
ประมาณ ๑๐๐ ประเทศ ได้จัดตั้งธนาคารพันธุ์พืช
เพื่อเก็บรักษาพันธุ์พืชไว้ แต่ยังทำได้ในสัดส่วนที่น้อย
และมีการใช้วิธีการทางพันธุวิศวกรรมในการผลิตพืชพันธุ์ใหม่ที่ดีกว่า
สำหรับในด้านสัตว์นั้นได้มีการวิจัยเพื่อหาเทคนิคใหม่ๆ
ในการขยายพันธุ์สัตว์หายาก หรือสัตว์ที่มีข้อจำกัดทางพันธุกรรม เช่น
มีลูกน้อย หรือตั้งท้องนาน เพื่อให้ได้สัตว์เหล่านี้เป็นจำนวนมากๆ
นอกจากนั้นยังมีการผสมพันธุ์สัตว์และดูแลลูกจนแข็งแรวก่อนที่จะนำไปปล่อยในป่า
หรือการปลูกป่าเลียนแบบธรรมชาติ หรือการสร้างอุทยานให้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์ในระดับหนึ่ง
จากการเล็งเห็นความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ ดังกล่าว
ขณะนี้ประเทศต่างๆ ได้จัดตั้งองค์กรเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติขึ้น
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของภาคเอกชน และธนาคารโลกก็ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โครงการที่สำคัญที่สุดคือ Global
Environment Facility ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓
ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการเพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของอุทยานแห่งชาติหิมาลัย ซึ่งครอบคลมพื้นที่ ๗๖๕ ตารางกิโลเมตร
ดังนั้น ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ของทุกปี
ซึ่งเป้นวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ
ชาวโลกควรจะได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งชีวิตต่างๆ ทั้งพืชและสัตว์
เพราะความหลากหลายที่พบในพันธุ์พืชและสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดอาจเป็นบ่อเกิดหรือฐานแห่งการผลิตอาหาร
และการเกษตรทั่วโลกได้ ฉะนั้น
จึงจำเป็นที่มนุษย์จะต้องหามาตรการการบำรุงรักษา หรือหาแนวทางอนุรักษ์ให้ยั่งยืนสืบไป
คัดลอก, อ้างอิง
วรนุช อุษณกร.ประวัติวันสำคัญที่ควรรู้จัก.พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ:โอเดียนสโตร์,๒๕๔๓
ข้อมูลโดย : กลุ่มนักศึกษาฝึกงาน งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศห้องสมุด
สนเทศน่ารู้
ขึ้นด้านบน
|